สถานการณ์การเมืองในเวลานี้ ยิ่งทอดเวลานานออกไป ความขัดแย้งยิ่งฝังลึก และแปรผันเปลี่ยนรูปแบบไปจนไม่รู้ว่าสุดท้ายมันจะจบลงที่ไหน
ปะทะกัน นองเลือด หรือจนถึงขั้นปฏิวัติยึดอำนาจ
ไม่รู้ว่าจะจบลง ณ ตรงนั้น
หรือยังจะบานปลายออกไปได้อีก
ขนาด ผู้นำเหล่าทัพรวมสมองพูดคุยหาทางออกเพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอด พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
ยังออกมาสารภาพเลยว่า คุยกันแล้ว ไม่มีใครเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
การเมืองกับประชาชน
การเมืองกับกองทัพ
และกองทัพกับประชาชน
นอกจากประชาชนที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาลแล้ว ที่เหลือยังคงไม่มีใครกล้าที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
เพราะ กองทัพไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่ก็ยังแหยงที่จะนำกำลังออกมายึดอำนาจ
เพราะเหตุการณ์หลัง 19 กันยา 2549 ยังตามหลอนไม่เลิก
จุดอ่อนที่ว่า การนำกองทัพออกมาแล้ว ไม่สามารถสะสางปัญหาการเมืองให้หมดไปได้ ซ้ำร้ายกลับเพิ่มปัญหาใหม่ขึ้นมา
การเมืองที่ฮึกเหิมเติบกล้า เพราะการใช้อำนาจไม่เด็ดขาดของรัฐบาลที่นับวันถอยหลังมากกว่าการนับหนึ่งเพื่อเริ่มต้น
แม้ จะรู้ว่า สาเหตุแห่งปัญหา ณ ปัจจุบัน มีที่มาที่ไปอย่างไร จุดอ่อนจุดแข็งอยู่ที่ไหน
แต่การคิดที่จะทำอะไรอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่ยาก เพราะไม่มีใครอยากตกเป็นจำเลยสังคม
ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีนายทหารคนใดอยากยุติปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้
หากแต่ไม่มีนายทหารคนใดอยากถูกประทับตราบาปว่า เป็นผู้ที่ทำให้กองทัพเสื่อม !
นี่ ยังไม่ได้พูดถึง "หลัก" ของนักวิชาการทั้งหลายที่ไม่เอาปฏิวัติ ไม่เอายึดอำนาจ ไม่เอาชุมนุม
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้ โดยที่ทุกคนมีที่ยืนได้อย่างไร
นั่นคือที่มาของคำว่า "คิดไม่ออก" ของ พล.อ.บุญสร้าง
ในขณะที่ฝ่ายการเมืองนั้น สมัคร ประกาศแล้วว่า ไม่เจรจา ไม่คุยกับกลุ่มพันธมิตร
นั่นย่อมหมายความว่า แนวทางที่น่าจะไปสู่การลดความรุนแรงและสันติที่สุด ถูกปิดตาย
แต่กลับเติมเชื้อให้สถานการณ์ด้วยการดึงเอาอำนาจการสั่งเคลื่อนกำลังทหารมาไว้ในมือนายกฯ
ทำราวกับว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็พร้อมที่จะเรียกกำลังทหารเข้าต่อต้าน ต่อสู้ เพื่อคงอำนาจไว้กับตนเอง
ทุกคนเพรียกให้ความเสียสละจากผู้อื่น
แต่ไม่มีใครคิดว่า ตัวเองนั่นแหละที่จะต้องเสียสละก่อนใครเพื่อน
สำนวนนิยายจีนบอกว่า "ถ้าเราไม่ลงนรก ผู้ใดจะลงนรก"
5131202082
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น