เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 9 คน ประกอบด้วย
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,
นายสมศักดิ์ โกสัยสุข,
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,
นายพิภพ ธงไชย,
นายสุริยะใส กตะศิลา,
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,
นายอมร อมรรัตนานนท์
และนายเทิดภูมิ ใจดี
ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอออกหมายจับ
1. ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรือ อำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
2. สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือ สมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114
3. มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 และ 216
ตามที่พนักงานสอบสวนได้นำพยานขึ้นไต่สวน 1 ปาก คือ พ.ต.ท.มานะ ผ่องช่วย พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เบิกความลำดับเหตุการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่มีผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นแกนนำ ตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2551 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไล่เรียงมาจนไปปักหลักชุมนุม ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และสะพานชมัยมรุเชฐ ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล จนมีการฟ้องร้องขอคุ้มครองชั่วคราว โดยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ก่อนจะย้ายกลับมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ จนถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสถานที่ราชการต่างๆ รวมทั้งบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลโดยผู้ชุมนุมประกาศจะไม่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และไม่เสียภาษี ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามที่ขออนุมัติหมายจับกุม พร้อมกับยื่นหลักฐานเป็นวีซีดีบันทึกภาพ และภาพนิ่ง เพื่อให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณา
ก็เหมือนกับว่าถ้าเราอยากมีความสงบสุขเกิดขึ้นในประเทศ เราต้องเจอกับปัญหาความขัดแย้งและปัญหาความไม่สงบสุขก่อน พออิ่มตัวความสงบสุขก็จะย่างกรายเข้ามา แล้วดำเนินต่อไปเหมือนเป็นวัฏจักร
แล้วคุณละคิดว่าสมควรหรือเปล่า
ที่แกนนำม็อบต้องถูกหมายจับ
เพียงเพราะว่าต้องการประเทศของตนเอง
พ้นภัยจากเมืองคอรัปชั่น
์