การศึกต้องมีมนุษยธรรม
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายพันธมิตรกำลังกลายเป็นการต่อสู้ที่สลับซับ ซ้อนและมีแนวโน้มที่จะต้องใช้กำลังเป็นที่พึ่ง
ในการแก้ไขปัญหาค่อนข้างมาก เรามิพักต้องมากล่าวถึงความชอบธรรมที่ต่างฝ่ายต่างอ้าง
เพราะถึงวันนี้ประเด็นเรื่องความชอบธรรมนั้น พ้นวิสัยตีความไปแล้ว ใครเชียร์ฝ่ายใดก็จะเข้าข้างฝ่ายนั้นทุกเรื่องด้วย เหตุผลนานา
และเห็นแย้งกับกับฝ่ายตรงข้ามทุกเรื่องด้วยเหตุผลนานา แต่ ประเด็นมนุษยธรรมยังคงต้องเชิดชู
จริงอยู่ที่ทุกสงคราม ทุกฝ่ายต่างระดมสรรพกำลังเต็ม ที่ ห้ำหั่นกัน ใช่เล่ห์เพทุบายสารพัด ไม่ต้องอายฟ้าดินอย่างไรก็ได้
เพื่อ ให้ชนะ แต่ก็ต้องยึดหลักมนุษยธรรมด้วย ไม่ใช่ให้ความต้องการมีชัยของตนเหนือ ทุกสิ่ง แม้แต่ความเดือดร้อนของผู้บริสุทธ์หรือความเวทนาต่อเพื่อนศัตรู
การศึกเวลานี้ก็เป็นเช่นนั้นการอ้างโน่น โจมตีนี่ ทำให้ทุกภาคส่วน เปียกปอน บาดเจ็บทางสังคมและเศรษฐกิจกันไปหมดแล้ว
แต่นั่นยังเป็นผลกระทบโดย อ้อม ที่หากเข้าใจวิถีการต่อสู้แบบเต็มศึกของแต่ละฝ่าย ก็ยังพอกล้ำกลืนยอม ทนได้ แต่ที่ไร้มนุษยธรรมโดยสิ้นเชิง
คือการเอาความเดือดร้อนของผู้ บริสุทธิ์มาเป็นเครื่องต่อรอง
ประชาชนไม่สมควรต้องมาเดือดร้อนกับการปิดสนามบินหยุดการเดิน รถ หรือที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปคือการถูกตัดน้ำตัดไฟ
เพราะพวกเขาไม่เกี่ยว อะไรด้วย อย่ามาอ้างว่าให้เสียสละหรือทนเอาหน่อย เพราะไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่มี สิทธิ์บังคับเขา
ไม่ใช่ว่ามีอำนาจในมือแล้วจะทำอะไรกับใครก็ได้ หากดื้อ ดึงทำไป ในอนาคตเมื่อประเด็นอย่างเช่น มีความพยายามแปรรูปรัฐวิสาหกิจปรากฏขึ้นอีก
ประชาชนอาจแก้แค้นเอาก็ได้ การปะทะด้วยกำลังย่อมอาจมีผู้บาดเจ็บล้มตายได้เสมอสังคมส่วนใหญ ไม่อยากเห็นความรุนแรง
แต่เมื่อมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็ต้องขอให้ความตายและ การสูญเสียนั้นเป็นไปอย่างมีมนุษยธรรม จงเวทนาต่อศัตรูบ้าง
ไม่ใช่ระบาดทาง อารมณ์ กระหายเลือดแบบควบคุมไม่ได้
เมื่อศัตรูคนหนึ่งหมดสภาพที่จะสู้รบก็
ต้องไว้ชีวิตหรือช่วยพยาบาลถ้าทำได้
อย่าทำร้ายอย่างเมามันทารุณดังที่เห็นในภาพข่าว
ไม่ว่าจะชิงชังกันเพียงใด เพราะถึงทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้อง
ตนเองและปลิดปลงอีกฝ่ายหากต้องสู้
แต่ธรรมในการยุทธ์นั้นต้องมีในหัวใจ มนุษย์ทุกคนเสมอ
ถ้าสมัครไปปัญหายังอยู่
สภาวะการเมืองของประเทศยังไร้ทางออกที่ชัดเจนขณะที่ทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อ
ต้านรัฐบาลยังตั้งป้อมแข็งขืนท่ามกลางความเสี่ยงว่าจะเกิดความรุนแรง
เมื่อ รัฐบาลโดยนักการเมืองหวงอำนาจยังพยายามทำทุกวิถีทางในการรักษาอำนาจเพื่อ
เป็นรัฐบาลต่อไปโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายภายใต้ข้ออ้างเพียงอย่างเดียวว่า มาจากการเลือกตั้งและไม่เคยทำอะไรผิด
ทั้งๆ ที่มีความผิดชัดแจ้งและมีมลทินจนไร้ความชอบธรรม แต่ก็ยังดื้อด้านไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงนั่นเอง
ปัญหาที่ยัง เรื้อรังโดยการกระทำของรัฐบาลอย่างชัดแจ้งก็คือ การประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งถูกมองว่ามีเจตนาแอบแฝง
ให้นักการเมืองพลัดถิ่นมี เหตุผลข้ออ้างในคำขอลี้ภัยทางการเมืองในต่างประเทศขณะที่ผลกระทบอย่างรุนแรง
ต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสายตาประชาคมโลกมีมากมาย เพราะต่างมองว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินสะท้อนให้เห็นภาพของประเทศไทยว่า
มีปัญหาวุ่นวายทั้งๆที่ประชาชนยังมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเดิม เพียงแต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการดึงดันของนักการเมือง
ซึ่งนอกจากไร้ความชอบธรรมยังขาดคุณธรรม และแสวงหาความรุนแรง เพื่อสืบสานอำนาจต่อไปอย่างเห็นแก่ตัวเอง
ชะตากรรมของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะลงเอยอย่างไร ป่านนี้ประชาชนคงเห็นวี่แวว
เพราะมีคดีความคาราคาซังอยู่ทั้งที่ถูกตัดสินไปแล้ว และรอการพิพากษา เช่น คดีหมิ่นประมาท และคดีอาญาอื่นๆ
ซึ่งหากพิจารณาตามหลักของการเมืองระดับสากลผู้มีมลทินระดับนี้ย่อมไม่มีความ
เหมาะสมแต่อย่างใดในการเสนอตัวในการเป็นบุคคลสาธารณะรับผิดชอบการบริหารบ้านเมือง
ซึ่งสามารถชักนำประเทศไทยสู่ภาวะวิกฤติจนถึงขั้นล่มสลายได้
เมื่อ นักการเมืองขาดหลักการและคุณธรรมจิตสำนึกความรับผิดชอบ ประชาชนจึงไร้ทางออก
เพราะกลไกของกฎหมายและสังคมไม่ได้ส่งผลอย่างรวดเร็วต่อนักการเมืองซึ่งไร้ ยางอายขาดจิตสำนึกของความถูกต้องดีงาม
ดังนั้นประชาธิปไตยแบบไทยๆ อย่างที่เข้าใจกันและไม่มีรูปแบบชัดเจนตามที่ยึดถือกันในซีกโลกตะวันตก
จึงอาจเป็นสูตรอันเหมาะสมสำหรับการเมืองของไทยก็เป็นได้ เพราะการเมืองย่อมไม่มีสูตรสำเร็จรูปสำหรับใช้ในทุกประเทศ
จึงต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาพท้องถิ่นแนวคิดหลักปฏิบัติและทัศนคติของ ประชาชน
นางสาวสากียะห์ หะรงค์
5131202082