อย่าลืม...ครม. คือคนใช้ อยู่ระหว่างทดลองงานของเรา



ถ้าเราไม่หลงประเด็น หรือหลงคารมของนักการเมือง คนไทยทั้งประเทศต้องไม่ลืมว่า คณะรัฐมนตรีนั้นเป็นแค่ "คณะคนใช้" ของเจ้าของประเทศ

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : โดยมีคนที่อาสามาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็น "หัวหน้าคนใช้" ที่จะต้องทำงานให้เป็นที่พอใจ ของเจ้าของบ้านทั้งหลายทั้งปวง

หัวหน้าคนใช้จะเอาใครมาทำงานในบ้านเรา ต้องบอกเราก่อนว่าจะเอาใครมา และคนที่รับมาทำงานนั้น มีคุณสมบัติอย่างไร มีพื้นเพมาจากไหน

พูดง่ายๆ คือ มีหัวนอนปลายตีนอย่างไร

เท่าที่ดูรายชื่อคนใช้ต่างๆ เหล่านี้ หัวหน้าคนใช้ไม่ได้เลือกคนใช้อื่นๆ ตามหลักการ "put the right man in the right job" หรือ "ใส่คนให้เหมาะกับงาน" เลย

ยิ่งกว่านั้น คนใช้หลายคนที่หัวหน้าคนงานเอาเข้ามาร่วมทีม ยังมีประวัติขี้ขโมย ขี้คุย รีดไถ และเป็นลูกน้องของนักเลงปากซอยเสียอีกด้วย

หัวหน้าคนงานไม่เกรงใจเจ้าของบ้านเลย ว่างั้นเถอะ เพราะพอเห็นรายชื่อคนงานที่จะเข้ามาในบ้านเราแล้ว ก็ตกอกตกใจพอสมควร

เพราะกลัวว่าคนงานกลุ่มใหม่นี้ จะมาทำลายข้าวของในบ้าน หรือขโมยของมีค่าในบ้านเราไปหรือเปล่า

หัวหน้าคนงานคิดว่าจะเอาคนงานอีกบางคน ใช้บ้านเราเป็นที่ "ฝึกงาน" เพราะญาติพี่น้องของหัวหน้าคนงานที่ชื่อสมชายนั้น ฝากฝังหรือสั่งการมาว่า จะต้องเอาคนนั้นคนนี้มาทำงานในบ้านของเรา

ภาษานักบริหารทรัพยากรบุคคล หรือ human resources management เขาเรียกว่า "on-the-job training" คือ ทำงานไป ฝึกงานไป เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน

แบบนี้เราเรียกว่า "intern" เด็กฝึกงานซึ่งย่อมจะต้องมีเงื่อนไขพิเศษ เพราะยังทำงานไม่เป็น ขออนุญาตเจ้าของบ้านมาฝึกงาน ทำได้หรือไม่ได้ไม่รู้ แต่เล่นเส้นสายผ่านใครมาก็ไม่รู้ ติดสอยห้อยตามหัวหน้าคนงานเข้ามา

แต่หัวหน้าคนงานที่ชื่อสมชาย ไม่ได้เรียกคนงานพวกนี้ว่า "เด็กฝึกงาน" อย่างที่เข้าใจกันทั่วไป กลับให้ตำแหน่งใหญ่โตเทียบเท่าคนงานกินเงินเดือนเต็มที่ พร้อมสิทธิพิเศษทุกอย่างที่คนงานปกติควรจะได้

อย่างนี้ถือว่าบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างผิดพลาดยิ่งนัก

ครั้นถูกซักถามเข้า หัวหน้าคนงานก็ยอมรับว่า ในการวางตัวคนงานนั้น "อาจจะผิดฝาผิดตัว" ไปบ้าง แต่ขอเวลาทำงานก่อนแล้วจึงให้เจ้าของบ้านวิจารณ์ทีหลัง

ถ้าอย่างนั้นต้องตกลงกันก่อนว่า จะมีช่วง "ทดลองงาน" หรือ probation นานกี่วัน

และหากเกิดความเสียหายระหว่างนี้กับ "คนงานมือใหม่" หรือ "พนักงานเข้าข่ายน่าสงสัย" หัวหน้าสมชายจะรับผิดชอบชดเชยความเสียหายอย่างไร

เราจ้างนายสมชาย เป็นหัวหน้าคนงาน แต่คุณสมชาย มีอาการว่า "เมีย" กับ "พี่เมีย" มีบทบาท "หลังบ้าน" ที่มากำหนดเอาคนงานส่งมาให้คุณสมชาย เจ้าของบ้านก็ย่อมจะต้องซักไซ้ไล่เลียงหัวหน้าคนงาน ว่า จริงๆ แล้ว ใครเป็นคนคุมคนงาน ให้ทำงานตรงตามความต้องการของเจ้าของบ้านที่แท้จริง

ถ้าคุณสมชาย ถือว่าคนที่ลอนดอน เป็น "นายใหญ่" ที่อยู่เหนือ "นาย" จริงๆ ที่ว่าจ้างเขา ก็ย่อมถือได้ว่า คุณสมชาย ทำผิดสัญญาว่าจ้าง

จะเลิกสัญญาเสียเมื่อไรก็ได้

อยู่ที่ว่านายสมชายรู้หรือไม่ว่า ตัวเองเป็นแค่ "หัวหน้าคนงาน" ที่ต้องทำตามความต้องการของเจ้าของบ้าน ไม่ใช่ทำตามคำบงการของคนอื่นที่อยู่เบื้องหลัง และเอาใครก็ไม่รู้มาเป็นคนทำงานในบ้านของเรา

มิหนำซ้ำ คนงานไร้ฝีมือเหล่านี้ ยังทำเป็นกร่าง ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง

ไม่เกรงใจหัวหน้าคนงานแล้ว ยังขโมยของในบ้าน และทำบ้านให้สกปรกเปรอะเปื้อนไปหมดอีกด้วย

อย่างนี้ไม่ผ่าน "ทดลองงาน"



http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/27/news_298444.php

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

พันธมิตรรุมชาวบ้าน


คลิป ช่อง7 จับช็อตเด็ด พธม.นับร้อยรุมกระทืบชาวบ้าน พอรู้ตัวเจอกล้องจับรีบหาผ้าใบมาปิดกล้อง จาก Seedang.com


สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สีนำเสนอข่าวในช่วง"ภาพเด็ด7สี" ในเวลา17.35 น.วันนี้ (17ก.ย.) นำเสนอข่าวโดยนรากร ตินายน ว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาทีมข่าวช่อง7ตระเวนไปที่สะพานมัฆวานฯพบกลุ่มพันธมิตรรุมกระทืบชายคนหนึ่ง ซึ่งในภาพเห็นกำลังร้องขอชีวิตและชูมือขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะที่วินมอเตอร์ไซค์ที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาบอกช่างภาพช่อง7สีว่า ให้ไปแจ้งตำรวจมาช่วยผู้เคราะห์ร้ายหน่อย เพราะคนๆเดียวถูกคนนับร้อยรุมทำร้ายร่างกาย และเห็นมีพวกม็อบคนหนึ่งแบกกล่องกีตาร์เข้าไปในที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์เชื่อว่าเป็นการนำปืนยาวใส่กล่องไป อาจเกิดเหตุร้ายได้ ช่อง 7 สีรายงานว่าเมื่อกลุ่มพันธมิตรเห็นว่าช่อง7สีกำลังจับภาพการรุมทำร้ายผู้เคราะห์ร้ายในระยะไกล แทนที่จะยุติการกระทำต่อเหยื่อ แต่กลับพากันยกผ้าใบสีน้ำเงินขึ้นมาปิดกั้นการถ่ายภาพของกล้อง ซึ่งในช่วงที่มีการรายงานข่าวยังไม่มีรายละเอียดว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นใคร และเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ที่มา : http://www.seedang.com/stories/32053

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง

5131601221

แม่มะกันสุดโหด...จับลูกน้อยสมองพิการปลิดชีพ

เดลี่ เมล์ รายงานเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า นางโจนส์ ฮิลล์ ได้ให้การต่อศาลต่อกรณีฆาตกรรมเด็กหญิงนาโอมิ บุตรสาววัย 4 ขวบ จนถึงแก่ความตายเนื่องจากอับอายเพราะลูกน้อยป่วยเป็นพิการทางสมอง เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ปีที่แล้ว ว่า ก่อนเกิดเหตุเธอได้ดื่มไวน์ไป 4 แก้ว ก่อนก่อเหตุฆาตกรรมลูกสาวตัวเองเป็นเวลาหลายชม. โดยเธอได้เปิดก๊อกอ่างอาบน้ำพร้อมผสมแชมพู ก่อนจะหลอกล่อให้ลูกมายังอ่างอาบน้ำ บอกว่าถึงเวลาจะต้องอาบน้ำแล้ว ก่อนที่เธอจะจับเด็กหญิงนาโอมิถ่วงน้ำ โดยมือของเธอจับลูกน้อยเข้าที่ลำคอและกดแช่น้ำไว้ และยังกดร่างของเธอจนถึงก้นอ่าง เหตุการณ์ดังกล่าวดำเนินเป็นเวลา 10 นาที หลังจากเด็กหญิงนาโอมิเสียชีวิตแล้ว เธอได้ซ่อนลูกไว้ในรถ ก่อนจะขับรถซื้อไวน์ดื่มเป็นเวลา 8 ชม. และสุดท้านเธอได้ขับรถไปยังโรงพยาบาลเมืองเชสเตอร์ คราวน์ เพื่อขอความช่วยเหลือจากแพทย์ ขณะที่อัยการให้การต่อศาลว่า นางโจนส์ ซึ่งอับอายกับสภาพความเป็นพิการของลูก ได้ขอให้นายฮิลล์ผู้เป็นสามี ขอให้นำลูกของเธอให้ผู้อื่นเลี้ยง อ้างว่าเพื่อให้ลูกเธอมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่สามีของเธอซึ่งเป็นพ่อที่อุทิศตัวเพื่อลูกปฎิเสธ ก่อนที่เธอจะวางแผนฆาตกรรมลูกสาวตัวเองอย่างโหดเหี้ยมในเวลาต่อมา


ขอขอบคุณข้อมูล จาก ..http://news.sanook.com/world/world_305275.php

นางสาวกฤติกา ทรีย์มาติพันธ์ ID 5131601232 Major: Law

การตูนมาแว้วจร้า




ที่มา : http://www.thairath.co.th/showcartoon.php?cat=927

นางสาวกนกนวรรณ ศรีละออง
5131601221

นายกคนใหม่


การประชุมสภาที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆเราก็ได้นายกคนใหม่เรียบร้อยแล้วโดยบุคลที่ถูกเสนอชื่อสองท่านคือ

1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

2.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

ผลการนับคะแนนออกมาอย่างเป็นทางการว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่26ของประเทศไทย

กระผมอยากฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆครับว่าเราต้องการอะไรจากนายกคนใหม่ของเราครับ
ประวัตินายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
วันเดือนปีเกิด ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๐
สมรส กับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มีบุตร ๓ คน๑. นายยศธนัน วงศ์สวัสดิ์๒. นางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์๓. นางสาวชยาภา วงศ์สวัสดิ์
ที่อยู่ ๑๐๐/๑๕๙ ซอย ๒๓/๒ หมู่บ้านชลลดา ถนนบางกรวย-ไทรน้อย บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ประวัติการศึกษา
๒๕๔๕ รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต หลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
๒๕๓๙ ปริญญาบัตร หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๓๘
๒๕๑๕ เนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
๒๕๑๓ นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประวัติการทำงาน
๑) ประวัติการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ - ปัจจุบันรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
๒๕๕๑ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบสัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ ๑
๒๕๕๐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
๒) ประวัติการดำรงตำแหน่งในการรับราชการ
๒๕๕๑ กรรมการเนติบัณฑิตไทยสภาในพระบรมราชูปถัมภ์
๘ มีนาคม - กันยายน ๒๕๔๙ ปลัดกระทรวงแรงงาน
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ - มีนาคม ๒๕๔๙ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
๒๕๔๒ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายบริหาร
๒๕๔๑ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายวิชาการ
๒๕๔๐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค ๒
๒๕๓๖ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓
๒๕๓๓ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญาธนบุรี
๒๕๓๒ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนนทบุรี
๒๕๓๑ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี
๒๕๓๐ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง
๒๕๒๙ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพังงา
๒๕๒๖ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย
๒๕๒๐ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่
๒๕๑๙ ผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่
๒๕๑๘ ผู้พิพากษาประจำกระทรวง
๒๕๑๗ ผู้ช่วยผู้พิพากษา กระทรวงยุติธรรม
๓) ประวัติการดำรงตำแหน่งและผลงานอื่น
๒๕๔๒ - กันยายน ๒๕๔๙- ประธานกรรมการ สภาวิจัยแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์- ประธานกรรมการ ตรวจสอบทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ- กรรมการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)- กรรมการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)- กรรมการ คณะกรรมการกฤษฎีกา- กรรมการ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.)- กรรมการ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)- กรรมการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)- กรรมการ คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)- กรรมการ คณะกรรมการตุลาการ- กรรมการ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ- กรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล- กรรมการ เนติบัณฑิตยสภา- กรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)- กรรมการ บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)- กรรมการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)- กรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)- กรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)- กรรมการ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
๒๕๔๒ เหรียญจักรพรรดิมาลา (จ.ม.ร.)
๒๕๔๐ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
๒๕๓๕ มหาวชิรมงกุฎไทย (ม.ว.ม.)
๒๕๓๒ ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
๒๕๒๙ ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
๒๕๒๗ ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
๒๕๒๓ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
ที่มาของประวัติhttp://www.moe.go.th/websm/menu01/somchai.htm

นายวรวรรธน์ กัลยรัตน์ศิริ 5131202078 EC.

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยา จำเลย



ศาลฎีกาแผนกคดีนักการเมือง นัดพิพากษา"ทักษิณ-พจมาน" ทุจริตซื้อที่ดิน 10.00 น.วันนี้ อัยการเชื่อศาลไม่เลื่อนอ่านคำพิพากษา เหตุข้อเท็จจริงระบุชัดจำเลยมีเจตนาหลบหนี วันนี้(17 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯมูลค่า 772 ล้านบาทเศษ ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เป็นจำเลยในความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา152 และ157 ซึ่งอัยการขอให้ยึดที่ดินและเงินจำนวน 772 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่กระทำผิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีและเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ม.4, 100 และ 122 ประมวลกฎหมายอาญา ม.33, 83, 86, 91, 152 และ 157 โดย อัยการโจทก์ และจำเลย นำพยานเข้าไต่สวนพยานโจทก์ฝ่ายละ จำนวน 20 ปาก ใช้เวลา 2 เดือน ก.ค.-ส.ค. นำสืบฝ่ายละ 5 นัด ซึ่งพยานโจทก์ ประกอบด้วย กลุ่มอดีตนายกรัฐมนตรี, กลุ่มคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.), กลุ่มเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูกิจการและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ประกอบด้วย 1.นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย 2.นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ 3.นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส. 4.นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ประธาน คตส. คดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ 5.นายอำนวย ธันธรา อดีต คตส. 6.นายวีระ สมความคิด ประธานเครือขายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่นและนักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนในคดีนี้ต่อ คตส. 7.นายสมบูรณ์ คุปติมนัส ผู้รับมอบอำนาจจากคุณพจมาน จำเลยที่ 2 ในการทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่พิพาทคดีนี้ 8.ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 9.นางสาวกัลยาณี รุทระกาญน์ เลขาธิการศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติ 10. ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และอดีตประธานคณะกรรมการจัดการกองทุนฟื้นฟูกิจการและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 11. นายเกริก วณิกกุล เจ้าหน้าที่ ธปท. อดีตผู้จัดการกองทุนฯ ปี 2545 12.นาย ไพโรจน์ เฮงสกุล อดีตผู้จัดการกองทุนฯ ช่วงปี 2549-50 13.นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และอดีตรองประธานคณะกรรมการกองทุนฯ 14.ว่าที่ ร.ท.รุ่งเรือง โคกขุนทด เจ้าหน้าที่ ธปท. ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนฟื้นฟูฯ 15.นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ อดีตผู้จัดการกองทุนฯ 16.นายวุฒิสิทธิ์ จันทสูตร เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดสระแก้ว อดีตผู้บริหารสำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ สาขาห้วยขวาง 17.นางญานี คงบุญ เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน สำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ สาขาห้วยขวาง 18.น.ส.นิทรา เอี่ยมสุภา เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จ.สมุทรสาคร อดีตหัวหน้าฝ่ายทะเบียน สำนักงานที่ดินกรุงเทพ สาขาห้วยขวาง 19. นายอมร บุญธรรม เจ้าหน้าที่กรมที่ดินประจำสำนักงานมาตรฐาน กรมที่ดิน อดีตเจ้าหน้าที่รังวัด สำนักงานที่ดินกรุงเทพ สาขาห้วยขวาง และ 20.นายทวี ด่านยุทธศิลป์ เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน สำนักงานที่ดินกรุงเทพ สาขาห้วยขวาง ส่วนพยานจำเลย ประกอบด้วย 1.นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าฯ ธปท. 2.นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง 3.นายวิรัช กุลเพชรประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี จ.นครปฐม 4.น.ส.สุจิรัตน์ ทองมี เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี กองล้มละลาย 5.น.ส.หนึ่งหทัย วงษ์ทอง เจ้าหน้าที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด อดีตเจ้าหน้าที่กองทุนฯ 6.นายวสันต์ เทียนหอม ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ซึ่งรับผิดชอบฝ่ายคดี และการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 7.นายวีระพงษ์ มุทานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบริการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด 8.นายพัลลภ ศักดิ์โสภณกุล ผอ.กองกฎหมายและระเบียบ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง 9.นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการคณะกรรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) 10.นางดนุชา ยินดีพิธ รอง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกระทรวงการคลัง 11.นายสาธร โตโพธิ์ไทย ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายคดี ธปท. 12.นายสุภร ดีพันธ์ เจ้าหน้าที่ธปท.ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชำนาญงาน ทีมอสังหาริมทรัพย์ กองทุน ฯ 13.นายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกฎหมายและคดี ธปท. 14.นายทร ชาวพิจิตร เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม 15.น.ส.มาลี แม้นมินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพฯ 16.นางวิบูลย์เพ็ญ หิตะพันธ์ เจ้าหน้าที่ตรวจเงินแผ่นดิน 9 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 17.นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย 18.นางวิไลวรรณ ศศานนท์ เจ้าหน้าที่ สตง. 19.นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ 20.ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โดยมีพยานร่วมของโจทก์ และจำเลยรวม 2 ปาก นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส. และนายกล้าณรงค์ จันทิก ป.ป.ช. นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง เขต 8 หนึ่งในคณะทำงานรับผิดชอบคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่า ศาลอาจจะเลื่อนการพิพากษาออกไปว่า เมื่อปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาคดีของศาลเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จำเลยทั้งสองหลบหนีไม่มาศาล และศาลมีคำสั่งให้โจทก์-จำเลย ยื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งอัยการยื่นคำแถลงปิดคดีไปโดยถูกต้องแล้วและศาลรับไว้ โดยไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมาอีก อีกทั้งยังปรากฏว่าศาลได้ออกหมายจับทั้งสองเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ในกรณีที่ไม่เดินทางมารายงานตัวต่อศาลหลังจากกลับจากต่างประเทศแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยทั้งสองได้ จึงน่าเชื่อว่าหากพรุ่งนี้จำเลยไม่มามาฟังคำพิพากษาก็มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย นายนันทศักดิ์ กล่าวว่า แม้ตามกฎหมายจะต้องให้อ่านคำพิพากษาต่อหน้าจำเลย แต่เมื่อคดีนี้ศาลอนุญาตให้สืบพยานลับหลังจำเลย และในรายงานกระบวนพิจารณาคดีศาลเคยระบุว่า แม้จำเลยทั้งสองอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ถือว่าตัวจำเลยยังอยู่ในอำนาจศาล ดังนั้น อาจไม่ต้องออกหมายจับจำเลยอีกและเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปอีก 30 วัน แต่ทั้งนี้จะเลื่อนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่งในวันพรุ่งนี้อัยการก็ไม่จำเป็นต้องแถลงต่อศาลยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองหลบหนีไปอีก เพราะข้อเท็จจริงปรากฏในกระบวนพิจารณาของศาลแล้ว หากศาลอ่านคำพิพากษาทันทีและเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ก็จะออกหมายจับจำเลยมารับโทษ แต่ถ้าศาลพิพากษายกฟ้องกระบวนการทางคดีก็ยุติลง “คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน กับคดีนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย มีความแตกต่างกัน เพราะนายวัฒนาเดินทางมาศาลเกือบทุกนัดระหว่างการพิจารณา และขณะที่ศาลมีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษานายวัฒนา ก็ยังไม่ได้หลบหนี กระทั่งวันพิพากษานายวัฒนาไม่ได้มาศาลจึงถูกออกหมายจับ แล้วเมื่อยังไม่ได้ตัวมาภายใน 30 วันหลังจากออกหมายจับ ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง แต่ในกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ปรากฏว่าข้อเท็จจริงว่าหลบหนีไปตั้งแต่ชั้นพิจารณาโดยไม่มารายงานตัวหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ จนถูกออกหมายจับ ซึ่งศาลไม่ได้สั่งจำหน่ายคดีเพื่อพักการพิจารณาคดี แต่ได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษา” นายนันทศักดิ์ กล่าว
ข่าวล่าสุด

ที่มาhttp://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110164
นายวรวรรธน์ กัลยรัตน์ศิริ 5131202078 EC

พันธมิตร ประกาศต้องรัฐบาลประชาภิวัฒน์เท่านั้น

แล้วคุณรู้รึยังว่า "รัฐบาลประชาภิวัฒน์" คืออะไร

ถ้ายังไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ลองอ่านกันดูและช่วยคอมเม้นด้วยนะค่ะ

"รัฐบาลประชาภิวัฒน์" มีหลักการดังต่อไปนี้
1. ส่งเสริมให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง มิให้คนไม่ดีมีอำนาจ ขอให้นักการเมืองในรัฐสภายอมเสียสละพื้นที่ของตัวเอง ยอมให้บุคคลที่เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย มีความสามารถ และมีความจริงใจในการแก้ไขวิกฤตของบ้านเมือง ให้เข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกระดับ ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของ กลุ่มการเมือง และปราศจากตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของกลุ่มทุน


2. ให้รัฐบาลประชาภิวัฒน์เข้ามาดำเนินการภารกิจเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขวิกฤตของบ้านเมืองตามแนวทางในแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะสางความอยุติธรรมทั้งปวงและคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย


3. รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่พร้อมปฏิรูปการเมืองร่วมกับประชาชนด้วยความจริงใจ เป็นแกนกลางระดมความร่วมมือจากองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ เพื่อกำหนดอนาคตและทิศทางของประเทศชาติร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาสร้างสรรค์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งเนื้อหา รูปแบบ โครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมือง ที่อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง เพื่อความเป็นธรรมในสังคม และรับผิดชอบโดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง


4. รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกำหนด "วาระแห่งชาติ" ที่แท้จริง และครอบคลุมปัญหาและความเรียกร้องของประชาชนทุกภาคส่วน และทุกสาขาอาชีพ


5. รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะร่วมกับประชาชนเพื่อทำให้เกิด "สภาประชาภิวัฒน์" ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย กว้างขวาง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากวิถีการเมืองแบบเดิม ที่เอื้อต่อการทุจริต คอร์รัปชัน ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบ และไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจากhttp://hilight.kapook.com/view/28877
นางสาวกฤติกา ทรีย์มาติพันธ์ ID: 5131601232 Major: Law

เท็กซัสอ่วมเจอไอค์ถล่ม



ไอค์ทำอ่วม : ภาพความเสียหายจากน้ำท่วมเนื่องจากสตอร์มเซิร์ชในรัฐหลุยเซียนา หลังจากถูกเฮอริเคนไอค์พัดถล่ม ขณะที่บริษัทประกันประเมินความเสียหายโดยคาดว่าจะต้องจ่ายค่าชดเชยราว 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(เอพี)

เฮอริเคนไอค์ถล่มเท็กซัส-หลุยเซียนา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง บริษัทประกันประเมินค่าชดเชยสูงถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่โรงกลั่น 17 แห่งต้องหยุดทำการ ขณะที่ประธานาธิบดีบุชประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเพื่อเปิดทางให้รัฐบาลกลางระดมความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่

เท็กซัส(เอพี/บีบีซี/ซีเอ็นเอ็น)-นายริค เพอร์รี่ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ประกาศระดมความช่วยเหลือและหน่วยกู้ภัยไปยังพื้นที่ประสบภัยในรัฐเท็กซัสครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ ทางเรือและภาคพื้นดิน หลังพายุเฮอริเคนได้พัดถล่มรัฐเท็กซัสและชายฝั่งรัฐหลุยเซียน่า เนื่องจากยังมีประชาชนจำนวนนับแสนคนที่ยังติดอยู่ในพื้นที่เนื่องจากไม่ยอมอพยพตามคำสั่งของทางการ แม้ว่าจะมีคำเตือนว่าความรุนแรงของพายุลูกนี้อาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยบนเกาะกัลเวสตัน คาดว่ามีประชาชนอีก 20,000 คนที่ไม่สามารถอพยพได้ทัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าไปถึงพื้นที่และเข้าตรวจสอบและหาผู้ประสบภัยตามบ้านเรือนแต่ละหลังแล้ว ทั้งนี้มีรายงานว่าอาคาร 17 แห่งบนเกาะแห่งนี้พังเสียหายจากทั้งไฟไหม้ ลมกรรโชกแรง และสตอร์มเสิร์ช หรือน้ำทะเลยกตัวสูงโดยมีคลิ่นสูงกว่า 4 เมตร เขาถล่มชายฝั่ง

ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน ขณะที่เฮอริเคนไอค์ได้อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันแล้วและเคลื่อนตัวผ่านไปยังรัฐอาร์คันซอแล้ว ขณะที่ทางการได้เตือนให้ประชาชนในรัฐโอกลาโฮมา รัฐอาร์คันซอ รัฐมิสซูรี่ รัฐอินเดียน่า และรัฐมิชิแกน เตรียมรับมือกับพายุฝนอันรุนแรง

ขณะเดียวกันประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ประกาศให้รัฐเท็กซัสและหลยเซียนาเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว เพื่อเปิดทางให้มีการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างเต็มที่

ที่มา:http://www.naewna.com/news.asp?ID=123207

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

10 ข้อเท็จจริงของแซราห์ เพลิ่น หลังที่เรารู้จักเธอได้ 10 วัน (วิจารณ์โลก)





"What's the difference between a hockey mom and a pit bull? Lipstick"

“อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างคุณแม่ขาลุยจอมโหด กับหมาพิตบุลน่ะเหรอ? ลิปสติกไงล่ะ”


แซร่าห์ เพลิ่น


จากที่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน ที่ได้รับเลือกจากนายจอห์น แมคเคน ให้เป็นพาร์ตเนอร์ลงชิงชัยในตำแหน่
งรองประธานาธิบดีสหรัฐของพรรครีพับลิกัน ตอนนี้ใครต่อใครก็ได้รับรู้จักกับตัวตนบางส่วนของผู้ว่าการรัฐอะแลสก้าคนนี้กันไปบ้างแล้ว

และนี่คือข้อเท็จจริง 10 ประการเกี่ยวกับผู้ว่าการรัฐอะแสสก้า ที่หาญกล้าประกาศตนพร้อมทำหน้าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ หรือแม้แต่รองประธานาธิบดี หากคุณปู่แมคเคนวัย 72 ปีเป็นอะไรไปเสียก่อน เพราะ
ตอนนี้ เธอไม่ใช่นักการเมืองโนเนมในสายตาของใครต่อใครอีกแล้ว

1. เพลิ่นวัย 44 ปี มีลูกแล้ว 5 คน ชื่อแทร็ค, บริสทอล, วิลโลว์, ไพเพอร์ และทริก แพ็กซั่น ฟาน เพลิ่น ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ แทร็คเป็นชื่อของโค้งน้ำที่อุดมไปด้วยปลาแซลม่อน ที่ครอบครัวของเธอมักจะไปตกปลากันนอกชายฝั่งเมืองดิลลิ่งแฮม เขาเตรียมเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่อิรักในเร็วๆ นี้ บริสทอลมาจากชื่ออ่าวบริสทอล ซึ่งอุดมไปด้วยปลาแซลม่
อนเช่นกัน วิลโลว์เป็นชื่อของนกวิลโลว์ ทาร์มิแกน นกประจำรัฐอะแลสก้า ชื่อของไพเพอร์มาจากชื่อเครื่องบินเล็กของครอบครัว ส่วนชื่อทริก (Trig) เป็นภาษานอร์วีเจียน แปลว่าได้รับชัยชนะอย่างกล้าหาญ

2. แว่นตาไร้กรอบที่นางเพลิ่นสวมใส่เป็นเอ
กลักษณ์ บริษัท มาซูนางะ ออพติคัล แมนูแฟคเจอริ่งในญี่ปุ่น เป็นผู้ผลิตแว่นตา รุ่น MP-704 ที่นางเพลิ่นสวมใส่อยู่ เป็นแว่นตากรอบไทเทเนียมไร้ขอบ ได้รับการออกแบบโดย คาซูโอะ คาวาซากิ ในแต่ละปี บริษัทมาซูนางะ ออพติคัล จะขายกรอบแว่นรุ่นนี้ได้ประมาณ 6,000-7,000 อันทั่วโลก โดยกรอบแว่นรุ่นนี้ จะขายที่ญี่ปุ่น ในราคา 33,600 เยน หรือประมาณ 10,600 บาท ส่วนราคาเลนส์คิดแยกต่างหาก ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สวมใส่ นับตั้งแต่พรรครีพับลิกันเปิดตัวนางเพลิ่น ประกอบกับกระแสเลือกตั้งสหรัฐที่กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ส่งผลให้แว่นตารุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับทรงผมของเพลิ่นที่สาวๆ พากันแห่ไว้ทรงผมเลียนแบบกันยกใหญ่

3. แมคเคนชื่นชอบเพลิ่นเป็นการส่วนตัว เนื่องจากเธอเป็นลูกค้าที่จับจ่ายซื้อของในห้างวอลล์มาร์ตอยู่เป็นประจำ แถมเธอยังเคยเป็นประธานในพิธีแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่ของวอลล์มาร์ต ที่ห้างวอลล์มาร์ต ในเมืองวาซิลล่า ที่เธอเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมื่อปี 2542 อีกต่างหาก

4. ปี 2527 ตอนอายุได้ 20 ปี เพลิ่นได้ตำแหน่งมิสวาซิลล่า ก่อนไปคว้าอันดับ 3 ในการประกวดมิสอะแลสก้า แถมยังได้ตำแหน่งนางงามมิตรภาพ ซึ่งในช่วงนั้นเธอยอมรับว่าเคยสูบกัญชาบ้างเวลาไปงานปาร์ตี้ แต่ไม่ถึงกับติดงอมแงม ก่อนจะเลิกไปในที่สุด

5. นางเพลิ่นชื่นชอบการล่ากวางมูส
และตกปลาแซลม่อนเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังเคยบอกว่าอาหารจานโปรดคือปลาแซงม่อนนึ่ง (จิ้มแจ่วด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ) เฟร็ด ทอมสัน อดีตวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเคยพูดถึงนางเพลิ่นว่า เป็นผู้แทนเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ ที่รู้วิธีการลอกหนังกวางมูสเป็นอย่างดี ขณะที่ซินดี้ ภรรยาของนายแมคแคน ระบุตอนที่กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่ของพรรคว่า สามีของเธอ ได้เลือก “คุณแม่ลูก 5 หัวปฏิรูปที่บ้าฮอคกี้ เล่นบาสเป็นบ้าเป็นหลัง ชอบล่ากวางมูส สนุกกับการตกปลาแซลม่อน และพกปืนแน่นกระเป๋าเป็นผู้สมัครคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี”


6. ประมาณ 1 เดือนก่อนจะถึงกำหนดคลอดของทริก ลูกคนที่ห้า เพลิ่นเกิดอาการน้ำเดินระหว่างเข้าร่วมประชุมที่รัฐเท็กซัส แต่เธอก็ยังขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังเดินทางด้วยเครื่องบินกลับมายังอะแลสก้า โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ซีแอตเทิ่ล ก่อนนั่งรถอีกกว่าชั่วโมงไปคลอดที่โรงพยาบาล (สายการบินอะแลสก้า แอร์ไลน์ อนุญาตให้สตรีมีครรภ์ใกล้คลอดเดินทางด้วยเครื่องบินได้) เพลิ่นบอกกับหมอว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะคลอดลูกเลย แต่หมอบอกว่าไม่เป็นไร แต่หลังจากคลอดเพียง 3 วัน เพลิ่นก็กลับไปทำงานตามเดิม

7. ระหว่างดำรงตำแหน่
งผู้ว่าการรัฐอะแลสก้า เพลิ่นออกมาขวางแผนการของรัฐบาลกลาง ที่จะสร้างสะพานและเครือข่ายคมนาคมให้ชาวอะแลสก้าที่มีเพียงหยิบมือเดียว เดินทางยังสนามบินด้วยงบประมาณมหาศาล แต่ลึกๆ แล้วเพลิ่นสนับสนุนโครงการดังกล่าว ติดแต่เพียงว่าเป็นเมกกะโปรเจ็คท์ที่ดูจะใช้เงินมากเกินไป เหมือนเป็นการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” จนเมื่อปีที่แล้วที่โครงการดังกล่าวก็ล้มครืน หลังจากรัฐบาลเล็งเห็นแล้วว่าเป็นการใช้เงินที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า นับตั้งแต่นั้น เพลิ่นก็ดูจะงอนไม่ยอมรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ในอะแลสก้าอีกเลย


8. ยังอยู่ในเรื่องการทำงานสมัยที่เป็นผู้ว่าการรัฐอะแลสก้า เพลิ่นสนับสนุนการประกาศขายเครื่องบินเจ็ตประจำตำแหน่งของผู้ว่าการรัฐคนก่อน ผ่านทางเว็บไซต์อีเบย์ เพื่อลดการใช้จ่ายสิ้นเปลือง ซึ่งจะจริงอยู่ แต่สิ่งที่เพลิ่นไม่เคยบอกให้ใครรู้เลยก็คือ เครื่องบินที่ว่าขายไม่ออก ผู้ช่วยของเธอเลยต้องไปเร่ขายอยู่ตั้งนานกว่าจะหาคนซื้อได้

9. เนื่องจากเป็นคนชื่นชอบการล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ ทั้งกวางมูส กวางแคริบู เพลิ่นจึงสนับสนุนร่างกฏหมายอนุญาตให้มีการล่าหมาป่าทางอากาศ หรือการนั่งเครื่องบินล่านั่นเอง เพื่อควบคุมประชากรสัตว์นักล่า นอกจากนี้ เธอยังคัดค้านข้อเสนอของรัฐบาลกลาง ที่จะขึ้นบัญชีรายชื่อสัตว์หลายชนิด รวมถึงหมีขั้วโลกและวาฬเบลูก้า เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แต่ในขณะเดียวกัน เธอกลับสนับสนุนให้มีการสำรวจและจุดเจาะหาแหล่งน้ำมันดิบ บริเวณนอกชายฝั่งรัฐอะแลสก้า ซึ่งได้รับการคุ้มครองให้เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ในมหาสมุทรอาร์คติก

10. เพลิ่นให้คำนิยามตัวเธอเองว่าเป็น “คุณแม่ขาลุยจอมโหด” หนังสืออัตชีวประวัติของเธอที่ตีพิมพ์และวางจำหน่ายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ใช้ชื่อเรื่องว่า “Sarah: How a Hockey Mom Turned Alaska's Political Establishment on Its Ear” หลายฝ่ายเชื่อว่า การสถาปนาตนเองเป็นคุณแม่ขาลุยจอมโหดของเพลิ่น จะช่วยให้พรรครีพับลิกันได้เปรียบในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะในรัฐที่ยังมีคะแนนคู่คี่สูสีและฐานเสียงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา (swing state) อย่างมิชิแกนและมินเนโซต้า ซึ่งกีฬาฮ็อคกี้ได้รับความนิยม

ก็เหมือนที่เธอกล่าวไว้ในที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ที่ว่า “อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างคุณแม่จอมโหด กับหมาพิตบุลน่ะเหรอ? ลิปสติกไงล่ะ” นั่นเอง

http://www.naewna.com/news.asp?ID=123079

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

"บุช" รับ "เลห์แมน" ล้ม กระทบประชาชน

หลังมีข่าวบริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ อิงค์ สถาบันการเงินอันดับ 4 ของสหรัฐฯ ยื่นเรื่องขอรับการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลาย ทำให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์พุ่งจาก 94.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมาปิดตลาดที่ 95.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐฯ แถลงต่อผู้สื่อข่าว ยอมรับว่า ชาวอเมริกัน รู้สึกวิตกกังวลต่อความเปลี่ยนแปลง และปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการของตลาดหุ้นและตลาดการเงินอย่างเด็ดขาด

ที่มา : http://www.naewna.com/news.asp?ID=123403

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

ทางออกประเทศ

ในที่สุดวิกฤติประเทศก็เริ่มเห็นทางออกหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
พ้นจากเก้าอี้เหตุจากรายการชิมไปบ่นไป

ไล่ๆกันในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การหักดิบของพรรคร่วมรัฐ บาลและส.ส.พรรคพลังประชาชนบางส่วน

ที่แข็งข้อไม่ยอมสนับสนุนนายสมัคร กลับมา เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 กลายเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การต่อรองของขั้วอำนาจ ใหญ่เริ่มสั่นคลอน

เมื่อสัญญาณทางการเมืองเริ่มดีขึ้นจึงขึ้นอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมว่า จะใช้ช่องทางแห่งแสงสว่างนี้หรือไม่

สำคัญที่ว่านายกรัฐมนตรี คนต่อไปจะเป็นใคร ทุกฝ่ายยอมรับได้หรือเปล่า และจะสร้างความสมานฉันท์อย่างไร

ฝ่ายพันธมิตรเองก็ยื่นเงื่อนไขไม่เอาผู้นำจากพรรคพลังประชาชนซึ่งข้อ ต่อรองนี้จะทำให้หนทางประเทศตีบตันลงอีก แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกลุ่มพลังของ ประเทศด้วย

ถ้าต้องการความสงบกลับคืนมาเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปย่อมต้องแผ้วถางเส้นทางนี้ไว้ อย่าให้กลับมารกร้างเหมือนเดิม

เชื่อว่าหากฝ่ายการเมืองสรรหาคนมานั่งเก้าอี้ผู้นำที่มีความสามารถ มีคุณธรรมพอ ไม่มีภาพตัวแทนอำนาจของใคร สังคมคงยอมรับได้

แม้แต่ทางออกด้วยการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติก็ตามถึงจะมี ความขัดแย้งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย

ออกมาแถลงว่า รับไม่ ได้กับการฉวยโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์วันโหวตนายกฯ ครั้งแรกก็ตาม แต่ภารกิจ ชาติย่อมสมานแผลหรือความรู้สึกได้

แนวทางนี้ต้องประกาศเป็น"วาระแห่งชาติ" ว่าการร่วมกันเพื่อเป้า หมายอะไร แก้รัฐธรรมนูญประเด็นไหน เงื่อนเวลามากน้อยเพียงใด

จากนั้นก็ยุบ สภา เลือกตั้งกันใหม่ ล้างความขัดแย้งของคนในชาติออกให้หมด

ทั้งฝ่ายอำนาจเก่าก็เดินเกมการเมืองตามระบอบก็พอใจที่ตกลงร่วมกัน ใน "วาระแห่งชาติ"

กลุ่มนักเลือกตั้งทั้งหลายก็เดินหน้าหาเสียงตามกรอบตาม ระบอบประชาธิปไตย โดยไม่มีเงื่อนไขเมื่อกลับเข้าสภา

ขณะที่กลุ่มพันธมิตรเองก็ไม่มีเงื่อนไขที่จะออกมาเรียกร้องอะไร อีก หากทุกอย่างกลับเข้าสู่กลิ่นอายของประชาธิปไตย เงื่อนไขย่อมลดลง

การนำ คนออกมาเรียกร้องสิ่งใดก็ตามต้องถูกจับตาจากสังคมอีกระดับ ถึงตอนนั้นหาก เหตุผลไม่เพียงพอ

คงไม่ต้องบอกว่า ใครเสียหาย ใครเป็นพระเอก ใครเป็นโจร

แต่หนทางทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผลโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพุธที่ 17 กันยายน ว่านักการเมืองทั้งหมดยินดีจะร่วมกันผ่าทางตันหรือไม่

ถ้าทั้งหมดปฏิเสธวาระต่อไปคงไม่พ้นเลือดนองแผ่นดิน!!

http://www.komchadluek.net

นางสาวสกียะห์ หะรงค์

5131202082


เห็นใจ...คนราชดำเนิน



มีจดหมายส่งมายังกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ระบุตัวตนเป็นบุคคลที่มีบ้านพักอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม
ใกล้กับถนนราชดำเนิน ละแวกเดียวกับสะพานมัฆวานรังสรรค์และทำเนียบรัฐบาล

เจ้าของจดหมายเขียนระบายทุกข์ ระบุต้องทนรับสภาพสารพันปัญหาที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมืองมานานกว่า 100 วัน

ผม อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจครับ...จึงถือโอกาสเป็นสื่อกลางเผยแพร่ความทุกข์ของ เจ้าของจดหมายฉบับนี้

ที่ถือเป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีสิทธิได้รับการปกป้องสิทธิเสรีภาพตามหลักมนุษย ชน ให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบ

เจ้าของจดหมายบรรยายทุกข์ผ่านตัวอักษรว่า กว่า 100 วันแล้วที่เธอและครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานจากการชุมนุมทางการเมือง

ไม่ สามารถทำมาค้าขายได้เช่นปกติ กลางคืนนอนไม่หลับเพราะเสียงอึกทึกครึกโครมจากการปราศรัยและเสียงโห่ร้องของ คนเรือนหมื่น

ลูกเด็กเล็กแดงไปโรงเรียนไม่ได้ แถมไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกลัว...กลัวผู้คนแปลกหน้าที่ชุมนุมกันอยู่ใน บริเวณนั้น

ทุกวันต้องอยู่อย่างหวาดผวา...ความรู้สึกเหมือนเป็น พลเมืองชั้นสอง...ไร้คนเหลียวแล...ทั้งที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่จ่ายเงินภาษี

ครบทุกบาททุกสตางค์ ไม่ได้หลบเลี่ยงเหมือนใครบางคน

เจ้าของจดหมายบอกด้วยว่า เธอคงไม่เดือดร้อนมากนักหากการชุมนุมไม่ยืดเยื้อเป็นเวลายาวนานเช่นนี้ แต่นี่กินเวลา 3 เดือนเศษแล้ว

จึงทนไม่ไหว...จะทำอย่างไร? จะเอากันอย่างไร? ไม่ทำกันสักที แล้วอย่างนี้เมื่อไรบ้านเมืองจะสงบ

ถนน ราชดำเนินทุกวันนี้...คลาคล่ำไปด้วยบุคคลที่ไม่น่าไว้ใจ ถือมีด...ถือไม้...ท่าทางไม่เป็นมิตร พร้อมสู้รบปรบมือกันทุกเมื่อ ราวกับบ้านป่าเมืองเถื่อน

นักการเมือง...เจ้าหน้าที่รัฐ...ไม่เคยมาถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของคนราชดำเนิน ทำให้ต้องอยู่อย่างเดียวดายและหวาดผวา

ผม อ่านจดหมายแล้ว รู้สึกเห็นใจ และขอช่วยภาวนาให้บ้านเมืองสงบสุขเสียที วิถีชีวิตของคนที่พักอาศัยอยู่ในย่านถนนราชดำเนิน

รวมทั้งคนไทยทั้งประเทศจะได้กลับสู่ภาวะปกติ

ศาลรัฐธรรมนูญชี้ทาง สว่างให้แล้วครับ...เหลืออยู่ที่ท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

โปรดเห็นแก่ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง...อย่าดันทุรังอีกเลย

ได้โปรดเห็นใจ...คนราชดำเนินและคนไทยทั้งชาติเถอะครับ...


http://www.komchadluek.net/2008/09/16/x_colu_m005_220616.php?newsid=220616

นางสาวสากียะห์ หะรงค์
5131202082


ตำรวจ : แพะรับบาปทางการเมือง


หนึ่งร้อยวันเศษแล้ว ที่กลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
ลาออกไป จากสะพานมัฆวานฯ ลามเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาล เป็นฐานที่มั่น

ขณะที่ นายสมัคร ประกาศนับครั้งไม่ถ้วนว่าไม่ลาออก-ไม่ยุบสภา พร้อมๆ กับกำนัลข้อหาความผิดทางอาญา

ครอบหัวแกนนำกลุ่มพันธมิตรและบริวารรวม 9 คน ด้วยข้อหาร้ายแรงสุดๆ คือ "กบฏ"

โดยเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมตามหมายจับที่อนุมัติโดยศาล อาญา แต่กลับไม่มีผลในทางปฏิบัติ แกนนำพันธมิตรที่ถูกออกหมายจับ

ยังอยู่สบายดีภายในทำเนียบรัฐบาลความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้จบ ลงทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษากรณีจัดรายการชิมไปบ่นไป

ส่งผลให้นายสมัครหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย

แต่ที่ปรากฏ ชัดในสถานการณ์วิกฤติทางการเมืองครั้งนี้ คือ การล่มสลายของเกียรติศักดิ์-ความศรัทธา น่าเชื่อถือ และความเป็นเอกภาพ

ในองค์กรตำรวจไทย ซึ่งตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาได้ลดน้อยลงเป็นลำดับ

ตำรวจ เป็นเครื่องมือของนักการเมืองชั่ว ผู้นำขององค์กรตำรวจในทุกระดับ ยอมสยบต่อนักการเมืองที่ไม่สุจริต

การแต่งตั้งตำรวจระดับผู้บังคับการ คือยศนายพลขึ้นไป เป็นไปตามใบสั่งของนักการเมือง โดยไม่คำนึงความรู้ความสามารถ

ความซื่อสัตย์สุจริต ความอาวุโส ขาดคุณธรรม จริยธรรม ตำรวจที่ได้ดิบได้ดีเพราะการเมือง การทำผิดกฎหมายใดๆ ก็ได้โดยไม่มีผู้มีอำนาจเอาผิด

หากเกิดผลดีต่อฝ่ายการเมือง ฯลฯ เหล่านี้ คือ การก่นด่าของประชาชน และสื่อมวลชนที่ดังระงมอยู่ตลอดเวลา

แต่ผู้ นำขององค์กรตำรวจเฉย ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแลการปฎิบัติหน้าที่ขององค์กรตำรวจ เฉยยิ่งกว่า

กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับการเมืองแบบไทยๆ มันชินชาเสียแล้ว ความขัดแย้งทางการเมืองที่ปรากฏอยู่ขณะนี้ ทำให้เกิดภาพ

: การไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษากฎหมาย การป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบโดยขาดการวางแผนตามยุทธศาสตร์

และ ยุทธวิธีที่ได้ร่ำเรียนมา การไม่ยึดมั่นในความถูกต้องเป็นธรรมโดยถือผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็น

ที่ตั้งเท่ากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยินยอมที่จะเป็นแพะรับบาปทางการเมือง

http://www.komchadluek.net

นางสาวสกียะห์ หะรงค์

5131202082


พลังอำนาจการเมืองเสื่อมความมั่นคงก็เสื่อม

พลังอำนาจของชาติทุกด้านล้วนเกาะเกี่ยวสัมพันธ์กันไม่ว่าจะเป็นการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
หากด้านใดด้านหนึ่งเสื่อมก็จะฉุดให้ด้านอื่นๆอ่อนแอลงไปด้วย ความ มั่นคงของสังคมก็จะค่อยๆ พังทลาย
เราเคยเห็นรัฐที่ล้มเหลวเช่นนี้มาแล้วหลาย ประเทศ ไม่อยากเชื่อเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้กำลังเกิดกับไทยได้

ช่วงนี้เป็นช่วงที่วิกฤติที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยนับตั้งแต่ เปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 เป็นต้นมาวิกฤตินี้ร้ายแรงกว่าการเกิดกบฏ

หลายครั้ง หรือแม้แต่สงครามต่อสู้กับคอมมิวนิสต์เสียอีก เพราะยามนี้คือ เวลาที่คนแตกกันตั้งแต่บนสุดลงไปถึงรากฐานสั่นคลอนการไว้ใจกันอย่างสิ้นเชิง

ทั้งยังไม่รู้ว่าจะเยียวยากับแบบใด และผลของความแตกแยกนี้เริ่มส่งผล ถึงประเด็นความมั่นคงแล้ว

ในยามที่ประเทศยิ่งใหญ่ทรงพลังปัญหาอื่นที่ดูเหมือนน่ากลัว ก็จะ กลายเป็นเรื่องเล็ก แต่ยามที่ประเทศเราเป็นแบบนี้ ปัญหาเล็กก็กลายเป็นปัญหา ใหญ่ เรื่องใหญ่ยิ่งเรื้อรัง แก้ยาก ดังจะเห็นได้จากภาวะความรุนแรงของ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นและการที่ประเทศอย่างกัมพูชากล้าที่จะ ท้าทายไทยอย่างที่ไทยก็ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ดูเหมือนจะแพ้ทางเขาไปเสียทั้ง นั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าหากปัญหาด้านตะวันตกปรากฏขึ้นอีกในช่วงนี้ ความ หนักใจจะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณเพียงใด

การตกลงกันไม่ได้ของผู้เกี่ยวข้องทางการเมืองไม่เพียง แต่ทำให้การเมืองการปกครองอยู่ในภาวะชะงักงัน แนวร่วมของแต่ละฝ่ายซึ่งยืน

กันคนละครึ่งประเทศก็เขม่นหน้ากันไปด้วย แม้จนถึงวันนี้ที่ต่างได้รับความ เครียดจากสภาพเศรษฐกิจทรุดโทรมและสภาพสังคมที่ไม่ปลอดภัยกันทั่วหน้า

พวกเขา ก็ไม่คิดที่จะสมานฉันท์กับฝ่ายตรงข้ามความคิด ทั้งยังโทษว่าอีกฝ่ายคือต้นตอ วิกฤติเสียอีก น่าเศร้าที่ทั้งประเทศกำลังดิ่งจมลงไปด้วยกันในลักษณะนี้

มึนตึ้บกับการพยายามหาทางออกที่งามพร้อมเพราะไม่ว่าจะแก้ไขไปในทิศทางใด ก็จะมีฝ่ายที่ต้องเสียใจอยู่ดี อย่างไรก็ตาม

ก็ ยังสนับสนุนให้มีการสร้างทางออกที่ยืนอยู่บนโลกของความจริงมิใช่ความฝัน ยืน อยู่บนหลักการประชาธิปไตย มิใช่เผด็จการ

และยืนอยู่บนความเร็วของการลงมือ ดำเนินการ มิใช่รอให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนด เพราะถ้ามีความพลิกผันเกิด

ขึ้น ประเทศก็อาจรอด แต่หากไม่มี ก็จบกันแน่นอน

http://www.matichon.co.th/khaosod/

นางสาวสากียะห์ หะรงค์
5131202082


ทหารต้องมาปิดเกม


การเมืองกำลังเดินเข้าใกล้ท้ายซอยทุกขณะ แต่ยังมีพื้นที่ให้เล่น

สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกำลังดิ้นปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อต่อเวลาบนรัฐนาวาที่ขาดความสง่างาม 3 รัฐมนตรีคดีหวยบนดิน พยายามหาช่องรอดทางกฎหมาย

ความดื้อ ความอหังการของคนสนับสนุนรัฐบาลกำลังดึงประชาชนลงถนน

การ ปะทะกันระหว่างพันธมิตรกับฝ่ายรัฐบาลกำลังขยายความแตกแยก ยังดีที่อยู่ในพื้นที่จำกัดเพียงไม่กี่จังหวัดหากคุมกันได้เชื่อว่าคนไทยคง

ไม่ฆ่ากัน สำคัญกลไกของรัฐต้องทำหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรับภาระในฐานะแม่งาน จากนี้ไปถ้าตำรวจหันกลับมายึดหลักกฎหมาย

โดยไม่เกรงกลัวนักการเมือง รอยร้าวในบ้านเมืองจะจางลง ทุกฝ่ายจะหันมาใช้สติมากกว่ากำลัง

แนวคิดของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เรื่องขอกำลังทหารเข้ามาเสริม เพื่อสกัดการปะทะ ลดความรุนแรง ก็ไม่เลว

เพียงแต่สถานการณ์ถึงระดับที่ต้องนำทหารออกมาควบคุมสังคมแล้วหรือ

การมีทหารเดินอยู่ในเมือง ตามท้องถนน ย่อมสะท้อนภาพด้านลบมากกว่า

ถ้า จำกันได้เมื่อครั้งที่ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก เป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็ส่งทหารออกมาร่วมปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เรียกขานกันว่า 123 นั่งรถจักรยานยนต์คันเดียวกันออกตรวจพื้นที่ ทำให้ภาพออกมาไม่สู่ดีนักโดยเฉพาะการท่องเที่ยว สุดท้ายก็ต้องยกเลิกไป

ทหารกลับเข้ากรมกอง

วันนี้ก็เช่นกัน ท่าน ผบ.ตร.พยายามเรียกร้องขอกำลังทหาร ในขณะที่การควบคุมสถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่ปฏิบัติได้

เมืองหลวงซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของกลุ่มพันธมิตร พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ก็ยังรับมือได้ กำลังตำรวจเริ่มผ่อนคลาย

ไม่ได้เข้มข้นเหมือนช่วงแรก สลับสับเปลี่ยนกันได้บ้าง

ภาพพันธมิตร ถูกไล่ตีไล่ยำที่เมืองอุดรธานี กับบุรีรัมย์ ต่างหากที่ดูคล้ายจะขยายวง แต่เหตุการณ์วันนั้นเกิดจากความละหลวม

ไม่ใส่ใจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างหาก ที่ยอมปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลเข้าไปจัดการ โดยไม่สกัด ไม่ขัดขวาง ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้ประกาศใช้ความรุนแรงมาตลอดเส้นทาง

ถ้าตำรวจใช้ความเด็ดขาดทางกฎหมาย ไม่อิงอยู่ฝ่ายการเมือง ทำตัวเป็นกลาง เรื่องคงไม่เกิด

บ้าน เมืองเวลานี้ยังไม่ถึงกลียุค แต่หากอันธพาลฝ่ายรัฐบาลไม่หยุดห้าว ตอนนั้นคงไม่ต้องขอทหารออกมาควบคุม แต่เรียกมาเก็บกวาดไปทีเดียวเลย!!


http://www.banmuang.co.th/

นางสาวสากียะห์ หะรงค์
5131202082

ยุคคนดีด้อยโอกาส

วันพรุ่งนี้แล้วสินะ ผู้เฒ่าชัย ประธานสภาวัย 80 กว่า จะได้ฤกษ์งามยามดีประกอบพิธีกรรม ให้ ส.ส.มีทั้งโจรเสื้อนอก
นักขายตัวพฤติกรรมชั่วหลากหลาย ได้เลือกเฟ้นผู้นำรัฐบาลคนใหม่เพื่อทำหน้าที่ประสานผลประโยชน์แบ่งสันปัน
ส่วนทรัพย์สินแผ่นดินให้พวกเสือหิวกันถ้วนหน้า ประชาชนต้องไม่ลืมว่า ส.ส.ส่วนหนึ่งเป็นโมฆะบุรุษ และโมฆะสตรี
มีเวลาเหลือเพียงรอวันถูกยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนหนึ่งรอวันเข้าคุก สืบเนื่องจากพฤติกรรมละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ขายชาติ ยกแผ่นดินให้เขมร เอาเงินโครงการหวยบนดินไปทำระยำตำบอน

ยุค นี้ประชาชนได้เห็นนักการเมืองลายคราม เขี้ยวโง้ง วัย 70 กว่า มีบทบาท ส่งเสียงดัง ทำตัวเป็นเสาหลัก

แสดงความคิดเห็นน่าแขยะแขยง จัดอยู่ในพวกแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะเกิดมานาน และอายุยืน

ยิ่งอยู่ในนานเท่าไร ไม่ถูกกวาดตกเวทีประวัติศาสตร์ ให้เป็นซากชำรุด บ้านเมืองย่อมเสี่ยงต่อการล่มจมเพราะความโลภไม่สิ้นสุด

ผู้ เฒ่าชัยคงรับหน้าที่ตามคำสั่งของผู้อุปถัมภ์เลี้ยงดู เล่นเกมกลกันสุดเหวี่ยง หวังสานปณิธานและความอหังการของไอ้ห้อย

หัวหน้าพวกไอ้โหนเสือหิวหลังลาย เพื่อให้กุมอำนาจรัฐสานต่อความอุบาทว์

วันพรุ่งนี้เราจะได้เห็นลีลานักพ่นน้ำลาย ประเภทเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น เป็นการถ่ายทอดสดประจานพฤติกรรมและสถาบันตัวเอง

นับ จากสัปดาห์ที่ผ่านมา นักการเมืองหิวอำนาจวิ่งเต้นทุกทางเพื่อเอาชนะพวกเดียวกัน ขอเป็นผู้นำรัฐบาล มองว่าเป็นเกียรติยศของวงศ์ตระกูล

แต่ประชาชนมองว่านั่นเป็นการเมืองแบบสามานย์ของกังฉิน

การเมืองไทย จึงเป็นเกมอำมหิต หักหลังกันอย่างโหดเหี้ยม แม้จะเป็นหุ่นเชิด มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่อาศัยความชั่วช้าในสายเลือดกมลสันดาร

เพิ่มระดับความเลวทรามต่ำช้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

เราจึงเห็นความ เป็นน้ำเน่า ไร้การพัฒนา มีนักการเมืองไร้จิตสำนึกยางอายรับบทบาทยกมือให้ผู้ประสานผลประโยชน์กำหนด

ทิศทางสำหรับการโกงกินจากงบประมาณก้อนใหญ่ ไม่ห่วงบ้านเมือง

ประชาชนไทยจึงอยู่ในสภาพน่าสงสาร ต้องรวมตัวชุมนุมขับไล่พวกโจรเสือหิวหน้าด้านมีแววทรราชหลายครั้ง ขายหน้าประชาคมโลก

ระบบตุลาการภิวัตน์ หรือความแข็งแกร่งของกระบวนการศาลยุติธรรม มั่นคง ไม่หวั่นต่ออามิสสินจ้างและการข่มขู่กดดันเท่านั้น

จึงเป็นความหวังของอนาคตการเมืองไทย เมื่อกฎหมายกำจัดคนชั่วร้าย

ต้อง เปิดช่องทางให้การเมืองได้มีโอกาสรับคนดี มีฝีมือ คุณธรรมเป็นผู้นำชาติ ปลดเปลื้องสถาบันตำรวจ

และอัยการให้หลุดพ้นจากอำนาจครอบงำโดยนักการเมืองชั่ว ร้าย การปฏิรูปองค์กรตำรวจอย่างจริงจัง

จึงจะไม่ให้เป็นเครื่องมือสำหรับทำลายรังแกคนดี นิ ! อิอิอิ !!!


http://www.komchadluek.net/2008/09/16/x_colu_m003_221135.php?news_id=221135

นางสาวสากียะห์ หะรงค์
5131202082

ไม่ไว้วางใจ



ปรากฏการณ์ที่คนในสังคมไทยแทบทุกภาคส่วนออกมาประสานเสียงต่อต้านการนำเสนอ นายสมัคร สุนทรเวช
กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งโดยมติของพรรคพลังประชาชน

ทั้งๆ ที่เพิ่งพ้นสภาพไปด้วยกระทำผิดรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญ

ถือเป็นการออกมาใช้สิทธิ์คัดค้านต่อต้านสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องอย่างชัดเจน

ที่สุดแล้วแม้พรรคพลังประชาชนจะมีมติออกมาเช่นนั้นแต่ก็ไม่อาจทานกระแสต้าน ที่หนักหน่วงรุนแรงได้

ทางที่ไปสู่ความแตกแยกอย่างรุนแรงในสังคมไทย จนอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองและการนองเลือดแม้กระทั่งการปฏิวัติแบบนี้

พรรคพลังประชาชนที่อ้างเสมอว่ามาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนยังเลือกถึงขั้น ออกเป็น "มติ"

จนอาจทำให้มองได้ว่ามีเจตนาแอบแฝง หวังผลประโยชน์แก่บางกลุ่มบางพวกในพรรค รวมไปถึงหัวหน้าและเจ้าของพรรคตัวจริง

โดยยอมแลกกับความวุ่นวายแตกแยกของคนในชาติไปจนถึงการนองเลือดและการปฏิวัติ ที่พรรคการเมืองนี้ชูงธงต่อต้านมาตลอด

แต่เมื่อถึงเวลาที่เล็งเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะนำมาสู่ชัยชนะและผล ประโยชน์ของเจ้านายตัวจริงก็หันมาใช้วิธีการแบบนี้

นี่ยังไม่พูดถึง ตัวนายสมัครเอง ที่ไม่ผิดอะไรกับหุ่นเชิดเมื่อยอมรับว่าจะกลับมารับตำแหน่งอีก หากพรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุน

จะต้องตกเป็นเป้าใหญ่ของการต่อต้านและมีจุดจบทางการเมืองที่หนักหนาสาหัสที่ สุด

พรรคพลังประชาชนทำกับคนที่ตัวเองบอกว่าเป็นผู้มาถือหางเสือในยามที่พรรคนี้ ไร้ผู้นำได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

ยังดีที่มีบางกลุ่มบางพวกในพรรคพลังประชาชนที่ไม่เห็นด้วยรวมไปถึงพรรคร่วม รัฐบาลอื่นๆ

ซึ่งยังพอกอบกู้ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมืองน้อยเต็มทีเอา ไว้ได้บ้าง

ก่อนหน้านี้ที่เกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนและฝ่าย ต่อต้านรัฐบาลถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ก็ชัดเจนว่าเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงเพื่อให้มีการประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

โดยผู้อยู่เบื้องหลังหวังว่าทหารจะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาล

แต่ปรากฏว่าทหารไม่เล่นด้วย

เพียงแค่ให้กลุ่มตนได้ชัยชนะและอยู่ใน อำนาจต่อสามารถทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งเอาเลือดเนื้อและชีวิตของคนไทยด้วยกัน

แม้กระทั่งความฉิบหายวอดวายของบ้านเมืองและผู้ที่ตนบอกว่าคือผู้มีบุญคุณก็ ยังทำได้ แบบนี้จะให้ไว้วางใจให้บริหารประเทศ

เลือกนายกรัฐมนตรีตั้งรัฐบาลต่อไปได้อย่างไร

มีทางเลือกอื่นที่ไม่นำพาประเทศชาติไปสู่หายนะก็เลือกเอาทางนั้นเถิด


http://www.komchadluek.net


นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

สงครามครั้งสุดท้าย" ปฏิบัติชิงเมืองของพันธมิตร

"สงครามครั้งสุดท้าย" คำประกาศที่ชวนระทึกใจของ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เริ่มไม่ใช่คำขวัญเก๋ที่ใช้ขู่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเพราะเมื่อจังหวะการเมือง
ขยับมาสู่ขั้นนี้ สมัครสุนทรเวช ถูกปลิดชีพทิ้งกลางทางเพื่อปลดชนวนปัญหา แต่ฝั่ง พันธมิตร นอกจากไม่ถอยแล้วยังเดินหน้าลุยไม่หยุดยั้งอย่างดุเดือด
ปลุกระดมหนักหน่วงกว่าเดิม

"สงครามครั้งสุดท้าย" ของพันธมิตรเที่ยวนี้ไม่ใช่แค่ประท้วงต่อรอง กดดัน เพื่อต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับปกติธรรมดา แบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน

แต่เลยเถิดเป็นเกม"ชิงบ้านชิงเมือง" กันเลยทีเดียว

"รัฐบาล" โดยเฉพาะ"สมัคร" ก็อ่านเกมขาดเข้าใจลึกซึ้ง ว่า ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก ถึงแข็งขืนไม่ยอมลาออกเพราะรู้ดีว่า

ถ้า ลาออก จะ เพลี่ยงพล้ำถึงขั้นแพ้ทั้งกระดานได้ไม่ยาก

การประกาศจะอยู่เพื่อปกป้องประชาธิปไตยจึงมีนัยว่าจะอยู่ปกป้องหม้อข้าวตัวเองปกปักรักษาฐานอำนาจทางการเมืองของนักเลือกตั้งไว้ต่อไป

ขณะที่ยุทธการชิงเมือง ของพันธมิตรที่มาในนาม"การเมืองใหม่" จะทำการ ยึดอำนาจจากนักการเมืองรุ่นปัจจุบันไปสู่ระบบใหม่

โดยจะออกแบบคนที่จะเข้ามา เป็นผู้แทนแบบใหม่เลือกตั้งส่วนหนึ่งและสรรหาเป็นส่วนใหญ่

เมื่อนี่เป็นสงครามชิงเมือง ของพันธมิตรและนักการเมืองเกมจึงดุเดือดยิ่ง

นับเป็นการรบของภาคประชาชนที่มีทหารอดีตข้าราชการ ชนชั้นสูง หนุน หลัง กับนักการเมือง ที่ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนของชาวชนบท

ซึ่งเป็นกลุ่มที่กุม ฐานอำนาจทางการเมืองอยู่ในปัจจุบัน

2 ฝ่ายย่อมห้ำหั่นจนแตกหัก

แน่นอนว่าเมื่อพันธมิตร คิดการใหญ่โตมโหฬารขนาดจะหักดิบประชาธิปไตย ข้อเรียกร้องจึงไม่หยุดแค่การไล่สมัครหรือต่อต้านนายกฯ 3 ส.เท่านั้น

เพราะวันนี้พันธมิตร ไม่ได้ต้องการแค่เปลี่ยนตัวนายกฯแต่ต้องการ "ปฏิวัติ" หรือเปลี่ยนแปลง"โครงสร้าง"

ด้วยการกวาดล้างนักการเมืองในระบบนี้ให้สิ้นซากด้วยโมเดลการเมืองใหม่

ดังนั้นจึงไม่อาจไว้วางใจสมาชิกสภาชุดนี้ทำได้เพราะไม่มีทางที่ นักการเมืองจะทุบหม้อข้าวตัวเองแล้วแก้ไขกติกาการเลือกตั้งให้เป็น

สูตร 70/30 ตามโมเดลของพันธมิตร

ภารกิจของพันธมิตรคือต้องระเบิดสภาชุดนี้ทิ้ง เพื่อเปิดพื้นที่สร้างแนวทางใหม่

หนทางที่จะระเบิดระบบนี้ให้พังพาบลงได้ก็คือต้องเดินหน้าสู่ทางตัน การเมืองให้ได้ก่อน เพื่อชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบการเมือง ปัจจุบัน

เพื่อเป็นฐานความชอบธรรมในการสร้างการเมืองใหม่

ทุกอย่างที่พันธมิตรทำวันนี้จึงเป็นการลากพาสถานการณ์การเมืองให้ไปสู่"ทางตัน" ให้ได้

ทั้งการปฏิเสธไม่ยอมออกจากทำเนียบรัฐบาลอันเป็นศูนย์กลางการบัญชาการ ของอำนาจรัฐไทย และการไม่ยอมรับใครก็ตามที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็น นายกฯ

ล้วนนำไปสู่ทางตันได้ทั้งสิ้น

"สนธิ ลิ้มทองกุล" ประกาศอย่างภูมิใจว่า

"เป็นเพราะพันธมิตรที่ทำให้การเมืองถึงทางตัน ถ้าไม่มีพันธมิตรการเมืองจะไม่ตัน ความชั่วช้าจะไหลเวียนถ่ายเทต่อไปได้เรื่อยๆ"

เสียงแว่วจากวงประชุมแม่ทัพพันธมิตรดุดันถึงขั้นว่าเมื่อสภาไม่อาจ เป็นกลไกคลี่คลายปัญหาได้สุดท้ายสถานการณ์ก็จะบีบให้ทหารต้องปฏิบัติการ "บางอย่าง" เพื่อ"โละ" หรือ"ยึด" อำนาจรัฐไม่ว่า "ทางลับ" หรือ"ทางแจ้ง"

ต่อจากนั้นก็อาศัยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญผ่าทางตันโดยจำเป็นต้องงดใช้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 171

ที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส.เท่านั้นแล้ว เชิญนายกรัฐมนตรี "คนนอก" เข้ามาทำหน้าที่ร่างกติกาการเมืองใหม่

เมื่อมองทะลุช็อตจนเห็นแก่นแกนยุทธศาสตร์ของพันธมิตรแล้วสถานการณ์หลังจากนี้จึงน่าจับตามองอย่าได้กะพริบตา

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

3 เดือนอาจนานไป จับตารัฐบาลรักษาการ


แนวโน้มคงจะรอดยากแล้วสำหรับพรรคพลังประชาชน ไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นปี วันที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่ายุบพรรคหรือไม่

เพราะแค่เลือกนายกฯ ที่หักกันระหว่าง 2 ก๊วนใหญ่ ในพลังประชาชน พรรคก็แตกดังโพละ

หนแรกเมื่อ 12 กันยายน และกำลังจะหักกันอีกรอบในวันที่ 17 กันยายน

ในวันนี้แม้ว่าจะยังร่วมหอลงโรง แต่ก็ชัดเจนแล้วว่า พรรคใหม่ "เพื่อไทย" นั้น มีคนก๊วน "วังบัวบาน"

ประกาศแล้วว่า ถ้าไม่เอา สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ก็ให้ไปตั้งพรรคใหม่

คนที่ไม่เอา สมชาย ย่อมเป็นก๊วนได้ไม่ได้ นอกจาก "เพื่อนเนวิน"

ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนเพื่อเลือก 1 ใน 3 ส.ไปเป็นนายกฯ "เพื่อนเนวิน" ถูกมัดมือชกตั้งแต่ยกแรก

ทั้งที่ที่สัดส่วนกรรมการสูสีกันระหว่างก๊วนวังบัวบาน กับเพื่อนเนวิน เรียกได้ว่าพอฟัดพอเหวี่ยง

แต่เมื่อถึงเวลาถก กลับไม่มีโอกาส

"2 ส." ทั้ง สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ต่างขอบายให้แก่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์

"มติรวบรัดอย่างนี้ ทำได้อย่างไร"

"อย่างนี้มันต้องคุยกันหน่อยตอนบ่ายสอง"

เสียงสบถอย่างไม่พอใจจากกลุ่ม "เพื่อนเนวิน" ที่วันนี้ (15 ก.ย.) เนวิน ชิดชอบ เข้าพรรคมาบัญชาการด้วยตนเอง

แต่ก็ยังเป็นเกมที่ "เพื่อนเนวิน" ไม่ได้เป็นฝ่ายมีเปรียบ !

นั่นเท่ากับบีบให้ "เพื่อนเนวิน" เล่นเกมแรง

12 กันยายน โดนมาอย่างไร 17 กันยายน อาจได้เห็นการเอาคืน

วันนั้นเพื่อนเนวิน ดันลุง สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ อีกครั้ง

แต่ก็ถูกวังบัวบานจับมืออีสานพัฒนา-โคราช หักจนหัวทิ่ม

เมื่อมาถูกมัดมือชกอีกครั้ง มันก็ต้องแตกหักกันไปข้าง !

เพราะเป้าหมายที่ดีที่สุดของ "เพื่อนเนวิน" ในวันนี้ น่าจะเป็นการยุบสภา

เพราะอย่างน้อยๆ รัฐมนตรีในโควตาก็ยังจะรักษาเก้าอี้เอาไว้ ในฐานะ "รัฐมนตรีรักษาการ"

แต่หากปล่อยให้ สมชาย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มันจะมีที่ว่าให้ก๊วน "เพื่อนเนวิน" อีกหรือ ?

4 เก้าอี้ที่มีอยู่ เมื่อเปิดหน้าชนกันขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงวันข้างหน้ากันอีกแล้ว

ไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะมีอายุ 3 เดือน หรือ 1 ปี

สู้กันหนนี้จึงมุ่งไปสู่ "ยุบสภา" !

ทางเลือกที่ใครๆ บอกว่า เป็นหนทางที่เลวร้ายที่สุด แต่เป็นทางออกที่ดีที่สุดของก๊วน "เพื่อนเนวิน"

เพราะชัดเจนว่าจะหันไปหาพันธมิตรที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลคงจะยาก

เพราะทุกพรรคขานรับกันหมด ถึงแม้ "สมชาย" จะเป็นน้องเขย ทักษิณ ชินวัตร

เพราะรู้ดีว่า การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของ สมชาย อยู่ได้เกิน 3 เดือนก็เก่งแล้ว

แต่การเมืองไม่ได้มองเพียงแค่วันนี้

"พรรคเพื่อไทย" ที่เตรียมไว้รองรับพลพรรคพลังประชาชนนั้น ไม่อาจมองข้าม

ยิ่งมีการยืนยันว่า "สายตรงจากลอนดอน" หนุนเต็มที่ ยังไม่มีอะไรที่จะต้องลังเล

การปฏิเสธกลุ่มวังบัวบาน เท่ากับปฏิเสธโอกาสที่จะมีพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต

หนทางของก๊วน "เพื่อนเนวิน" ก็ยิ่งตีบตัน

และนำมาสู่การประกาศกร้าว ของเสือลำบาก

"หากไม่ทบทวนมติของกรรมการบริหารพรรค ก็จะปล่อยให้เป็นดุลพินิจของ ส.ส."

ไม่ต้องสงสัยว่า นี่เป็นเพียงแค่คำขู่หรือไม่

ดูจากการ "กลืนเลือด" เมื่อวันที่ 12 กันยา ตามมาด้วยล่าสุดสดๆ ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค

และต่อเนื่องที่การประชุม ส.ส.เพื่อรับรองชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์

ดูอาการแล้ววันที่ 17 กันยายน คงไม่ใช่เพียงแค่ "งดออกเสียง" หรือไม่เข้าประชุม

ก๊วนเพื่อนเนวิน ทั้ง 85 เสียง อาจ "โหวตสวนมติ"

ถามว่าเสียงค้านขนาดนี้ รัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร

3 เดือนก็อาจจะนานเกินไปเสียด้วยซ้ำ

จับตากันให้ดี 17 กันยายนนี้ หากไม่เลื่อนวันโหวตออกไป

คงได้เห็นกันแน่

รัฐบาลรักษาการยาวไปจนถึงสิ้นปี


http://www.komchadluek.net

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082


สัญญาณโหดจากแดนใต้


สถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ตั้งแต่การกราดยิงตำรวจรถไฟ
การดักซุ่มระเบิดถล่มชุดนายตำรวจที่เข้าตรวจสอบเหตุซุ่มยิงทหารที่บันนังสตา เรื่อยมาจนถึงการถล่มยิงตำรวจตระเวนชายแดนที่ลาดตระเวนในพื้นที่

และยิงทหารพรานชุดคุ้มครองนักเรียนที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เหตุการณ์เช่นนี้กำลังส่งสัญญาณอะไรให้ทราบ

ปัญหา ความไม่สงบที่เกิดขึ้น นอกจากประชาชนจะกลัวคนร้ายแล้วยังหวาดระแวงว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้อำนาจไม่ถูกต้อง

ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่เงียบๆ เป็นเหตุให้คนร้ายเหิมเกริมลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจขึ้นเรื่อยๆ

คน ร้ายที่ลงมือยิงทหารพรานชุดคุ้มครองนักเรียนที่ อ.หนองจิก ลงมือเหี้ยมโหดเพราะยิงที่หัวคนละนัด

เรียกได้ว่าฝึกมาแม่นมาก เด็กนักเรียนปลอดภัย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน เด็กทั้ง 14 คน

เป็นไทยพุทธต่างอกสั่นขวัญแขวนกันอย่างมาก เพราะเห็นเหตุการณ์ซึ่งๆ หน้า

น่าสนใจว่าสัญญาณที่ส่งจากผู้ก่อเหตุเหล่านี้ เจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยมีการทบทวนเตรียมการอย่างไร

กรณี ทหารพรานที่ถูกยิงนัดเดียวที่ศีรษะ มีหลักฐานว่าคนร้ายใช้ปืนติดลำกล้อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีการฝึกฝนมาพิเศษ

หลังเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่รัฐบอกว่าเคยรู้ข้อมูลมาก่อนแล้วว่าคนร้ายใช้ปืน ติดลำกล้อง แต่ไม่ได้แจ้งเตือนให้ทราบทั่วกัน

ก่อนหน้านี้มีการพบกับ ดักระเบิดหลายครั้ง แต่ก็มิได้มีการเตรียมการหรือแจ้งเตือน ทำให้ตำรวจทหารต้องเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บและเสียชีวิต

แม้ว่า เหตุการณ์ระเบิดในบางพื้นที่ได้ลดอัตราความถี่ของเหตุการณ์ รวมทั้งรัฐได้มีโอกาสทราบข้อมูลมากขึ้น

จากความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ แต่ปัญหาสำคัญคือการร่วมมือร่วมใจกันระหว่างหน่วยงานรัฐ

ทำอย่างไรจะเดินไปในแนวทางเดียวกัน คือการยึดเอากระบวนการยุติธรรมเป็นแนวทางหลัก หยุดการซ้อมทรมาน

โดยให้ใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อความโปร่งใสชัดเจน หยุดกระบวนการยุติธรรมนอกศาล

เพื่อสร้างความไว้วางใจความเชื่อมั่นให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์

ขณะนี้ หลายหน่วยงานมุ่งปรับโครงสร้างองค์กร โดยอ้างว่าทำเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการทำงาน

แต่ความเป็นจริงแล้วปัญหาอุปสรรคทั้งหลายเกิดจากตัวคน ยิ่งมีตำแหน่งสูงยิ่งมองไม่เห็นปัญหา

กลับให้ความสนใจแต่เรื่องของอำนาจ งบประมาณศักดิ์ศรีขององค์กร

เมื่อไรหนอที่คนในพื้นที่จะประสานมือ ประสานใจเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เจ้าหน้าที่รัฐยิ่งมีอำนาจชาวบ้านจะยิ่งเดือดร้อน

เพราะผู้มีอำนาจมักไม่สนใจใช้อำนาจให้ถูกทาง มีแต่หาประโยชน์เข้าตน



http://www.komchadluek.net

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

คลิปสงครามโลกครั้งที่ 1 ในภาพสี


คลิป สงครามโลกครั้งที่ 1 ในภาพสี จาก Seedang.com

ในมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่มีภาพสี แต่เทคนิคที่ชื่อ digital re-casting

กำลังจะทำให้ประวัติศาสตร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ในภาพต่างๆในนี้ ที่ใช้ประกอบ แต่งสีขึ้นมาใหม่จากภาพถ่ายจริงโดยใช้ photoshop

ที่มา : http://www.seedang.com/stories/31667

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง

5131601221

นำการ์ตูนมาฝากจร้า


นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

แถลงวันนี้-เลิก กม.ฉุกเฉิน

มั่นใจไม่มีม็อบตีกันอีก! "มหา"ฟุ่งไม่รับตำแหน่ง ถ้าดันการเมืองใหม่เกิด



รักษาการนายกฯ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" รุดหารือผบ.ทบ. "อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ได้ข้อสรุปต้องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กทม. เนื่องจากส่ง ผลเสียหายต่อหลายๆ ด้าน อีกทั้งเชื่อว่าเหตุรุนแรงไทยฆ่าไทยคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว นัดแถลงพร้อมกัน รวมทั้งผบ.ตร."พัชรวาท วงษ์สุวรรณ"วันนี้ "บิ๊กป๊อก"เผยสั่งกองทัพภาคที่ 1 ร่วมกับนครบาลไปเจรจากับฝ่ายม็อบนปช. รวมทั้งส่งเพื่อนร่วมรุ่นไปคุยกับ"เสธ.แดง"ให้เลิกเคลื่อนไหว ขณะที่ตัวเสธ. แดงระบุม็อบนปช.ที่สนามหลวง ปากน้ำ และเมืองนนท์ พากันสลายตัวไปหมดแล้ว รองหัวหน้าพปช. "กานต์ เทียนแก้ว" จุดพลุจะออกกม.นิรโทษกรรมแกนนำพันธมิตรฯ พร้อมๆ กับอดีตแกนนำไทยรักไทย 111 คน อ้างเหตุผลเรื่องสมานฉันท์ โดนค้านวุ่นทันควันจากคนในพปช.ด้วยกัน เช่นเดียวกับฝ่ายม็อบก็ปฏิเสธไม่เอาด้วย กร้าวจะชุมนุมต่ออีก 100 วันก็ยังได้ ตราบใดที่ยังมีรัฐบาลเป็นพปช. ชี้ 3 ส.แคนดิเดตใช้ไม่ได้แม้แต่คนเดียว หนีไม่พ้นภาพนอมินี"ทักษิณ"อยู่ดี

ที่มา .. http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakUwTURrMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB4TkE9PQ==


กฤติกา ทรีย์มาติพันธ์ ID : 5131601232

Amazing Grace นักการเมืองน่าจะฟัง


แต่งโดย John Newton

ทุกท่านลองฟังดู

ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับเพลงนี้ค่ะ

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

การ์ตูนมาแว้ว

การตูน โดยคุณทิน
นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

พี่โน๊ตแร็ป(โยงกับการเมืองนิดๆ)

ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=wpYnsbh7iIQ

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง

5131601221

การ์ตูน







นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

เครือข่ายสตรีถวายฎีกา ค้าน'สมัคร'เป็นนายกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ย.) กลุ่มเครือข่ายสตรี ครอบครัว เยาวชน คนทำงานด้านสังคม และนักธุรกิจเพื่อสังคมประมาณ 200 คน ร่วมลงชื่อท้ายเอกสาร 5 แผ่นยื่นถวายฎีกา คัดค้านการแต่งตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เนื้อหาในเอกสารระบุรายละเอียดความไม่เหมาะสมในการเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักราชเลขาธิการเป็นผู้รับเรื่องไว้
นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีต ส.ว.เชียงราย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าทุกครั้งที่ประเทศประสบภาวะวิกฤต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นที่พึ่งทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ ตนไม่ได้มีเจตนาจะทำสิ่งที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่วันนี้ไม่เห็นทางออกของประเทศ และเพื่อเป็นการเตือนสติให้มีการพัฒนามาตรฐานทางศีลธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทย ที่ต้องตัดสินใจทางการเมืองอย่างมีจริยธรรมเห็นแก่ประเทศชาติ อดีต ส.ว.เชียงราย กล่าวอีกว่า อยากให้พลังเงียบในประเทศ แสดงจุดยืน ไม่ควรเพิกเฉย อย่างไรก็ตาม เวลา 19.00น.วันนี้ ทางเครือข่ายจะมีการจุดเทียนสันติภาพที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดแสงสว่างทางปัญญากับทุกฝ่าย และขอไม่ให้ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามนอกจากจะมีหลากหลายเครือข่ายที่เข้าร่วมลงชื่อถวายฎีกา ยังมีกลุ่มคนด้อยโอกาส คนพิการตาบอด ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เข้าร่วมในการลงชื่อถวายฎีกาในครั้งนี้ด้วย
วันเดียวกัน นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่น และเป็นสุข และ อดีต ส.ว.ขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันอยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งเอาชนะซึ่งกันและกัน โดยยึดหลักกูมากกว่าหลักการ ทั้งจะมองผลประโยชน์ตนเองมากกว่าส่วนรวม จึงร้องขอให้ทุกฝ่ายยึดหลักความถูกต้องในสังคม กฎกติกา และยึดกฎหมายเป็นหลัก เชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงได้ เพราะปัจจุบันหลายฝ่ายยังไม่สามารถทราบว่าการเมืองจะลงเอยอย่างไร เพียงติดตามดูไปวัน ๆ เท่านั้น และมั่นใจว่าทุกคนมีความรักชาติบ้านเมือง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชนทุกคน จึงขอให้ทุกฝ่ายได้หันหน้าเข้าหากัน เพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมจะดีกว่า
นางระเบียนรัตน์ กล่าวอีกว่า สื่อมวลชนมีส่วนสำคัญในการนำเสนอข่าวสารข้อมูลจริง ทั้งซ้ำเติมให้เกิดปัญหา หรือพยุงสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความสามัคคี คลายความตรึงเครียดให้กับประชาชนที่บริโภคข่าวสารได้หากไม่มีการเลือกข้าง พร้อมยังยอมรับว่าสื่อมวนชนมีบทบาทสำคัญ ขณะที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งในสังคมปัจจุบันด้วย


นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

คนไทยติดตามข่าวสารการเมืองอย่างไรบ้าง



แล้วคุณล่ะ ติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันอย่างไร
นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

ขำๆ









นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

สมชายนั่งรักษาการนายกฯ รับปากเตรียมเลิกพรก.ฉุกเฉิน



พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ รักษาการ โฆษกสำนักนายกคณะรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการ นัดพิเศษ ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ ใช้เวลาประมาณ กว่า 1 ชั่วโมง ว่า มีวาระสำคัญ ครม.เห็นชอบให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ทำหน้าที่รักษาการ นายกรัฐมนตรี และ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระหว่างรอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดย ครม. มีหลักในการปฏิบัติว่าจะปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ ส่วนเรื่องที่เป็นนโยบายและมีผลผูกพัน ครม.ชุดใหม่ ไม่ควรพิจารณา สำหรับเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วน และเรื่องที่ต่อเนื่องให้พิจารณาดำเนินการเป็นเรื่องๆไป นอกจากนี้ ให้มีการประชุม ครม.ต่อไปตามปกติ จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ การประชุมครม.ครั้งต่อไปวันอังคารหน้าจะประชุมที่ กองบัญชาการกองทัพไทย เช่นเดียวกับวันนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อกรณี นายสมัคร สุนทรเวช อดีต นายกรัฐมนตรี ที่พ้นหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยนั้นตามกฎหมายกระทรวงกลาโหม หาก รัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ปลัดกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่แทน ไม่มีการแต่งตั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนี้ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประทศนั้น มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว รอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ระหว่างนี้ ให้นายสหัส บัณทิตกุล รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการในหน้าที่ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปก่อน

พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวต่อกรณีข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ประมาณ 3,000 คน ที่ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ตามสถานที่แตกต่างกันไป เนื่องจากมีประชาชนกลุ่มหนึ่งยึดทำเนียบรัฐบาลไว้ นายสมชาย ในฐานะ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดหาสถานที่ทำงานให้ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้สถานที่การท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ส่วนการยกเลิกประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการ (พ.ร.ก.) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยรักษาการนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาต่อไป การประชุมครม.วันนี้ยังไม่มีมติ

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า ต้องรอหารือกันในที่ประชุมพรรคพลังประชาชนพรุ่งนี้ ส่วนการแถลงของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคในเวลา 13.30 น. พรุ่งนี้ จะแถลงถึงทิศทางการทำงานเท่านั้น


นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

คนดีไม่ขายเสียงนะค่ะ

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

เปิดคำพิพากษาศาลรธน. ผลัก"หมัก"ตกเก้าอี้นายกฯ ชี้ชัดส่อพิรุธ ทำหลักฐานย้อนหลัง ปกปิดค่าตอบแทน





เปิดคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ กรณี "สมัคร" จัดรายการ "ชิมไปบ่นไป" และรายการ "ยกโขยงหกโมงเช้า" ศาลฯ ระบุชัดมีการทำหลักฐานย้อนหลัง ส่อพิรุธ ตั้งใจปกปิดเกี่ยวกับค่าตอบแทน ตัดสินทำผิดจริงขัดต่อ มาตรา 267 ส่งผลให้ต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 9 กันยายน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดย นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยกรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ ส.ว.จำนวน 29 คน และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้ร้องที่ 1-2 ตามลำดับ เพื่อขอให้วินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) และมาตรา 267 ประกอบ 182 วรรคสาม และมาตรา 91 กรณีการจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป" และรายการ "ยกโขยงหกโมงเช้า" ดังนี้





หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจง การแก้ข้อกล่าวหา เอกสารประกอบ พยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และคำเบิกความจากพยานบุคคลแล้ว เห็นว่าคดีทั้ง 2 มีพยานหลักฐานที่เพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ โดยมีการกำหนดประเด็นที่พิจารณาวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรค 1 (7) ประกอบมาตรา 267 เพราะเหตุผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งใดในบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่มุ่งหาผลประโยชน์ กำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบริษัทดังกล่าวหรือไม่



มีปัญหาประการแรกที่ต้องวินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องเป็นลูกจ้างของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัดหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ซึ่งบัญญัติห้ามนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นลูกจ้างของบุคคลใด เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นไปโดยชอบ ป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันจะก่อให้เกิดสถานการณ์ขาดจริยธรรมซึ่งยากในการตัดสินใจทำให้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์สาธารณะ เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ ฐานขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จึงขัดกันในลักษณะที่ประโยชน์ส่วนตัว จะได้มาจากการเสียไปซึ่งประโยชน์สาธารณะ

การทำให้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวบรรลุผล จึงไม่ใช่แปลความคำว่า "ลูกจ้าง" ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 เพียงหมายถึงลูกจ้างตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือตามกฎหมายภาษีอากรเท่านั้น เพราะกฎหมายแต่ละฉบับย่อมมีเจตนารมณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งแตกต่างกันไปตามเหตุผล และการบัญญัติกฎหมายนั้นๆ ทั้งกฎหมายดังกล่าวก็ยังมีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ และยังมีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันการกระทำที่เป็นการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์แตกต่างจากกฎหมายดังกล่าวอีกด้วย
อนึ่ง รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์การปกครองประเทศ เนื่องจากตั้งรับรองสถานะของสถาบันและสิทธิและเสรีภาพของประชาชน กำหนดพื้นฐานการดำเนินการของรัฐ เพื่อให้รัฐได้ใช้เป็นหลักใช้ปรับกับสภาวการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์
ดังนั้น คำว่าลูกจ้างตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 จึงมีความหมายกว้างกว่าคำนิยามของกฎหมายอื่น โดยต้องแปลตามความหมายทั่วไป ซึ่งตาม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้ให้ความหมายของคำว่าลูกจ้างว่า หมายถึงผู้รับจ้างทำการงานผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยได้รับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร โดยมิคำนึงถึงว่าจะมีการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ หรือได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง สินจ้าง หรือค่าตอบแทนในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินอย่างอื่น หากมีการตกลงเป็นผู้รับจ้างทำการงานแล้ว ย่อมอยู่ในความหมายของคำว่าลูกจ้าง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ทั้งสิ้น

มิฉะนั้นผู้เป็นลูกจ้างหรือผู้ที่รับจ้างรับค่าจ้างเป็นรายเดือนในลักษณะสัญญาจ้างแรงงาน เมื่อได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีก็สามารถทำงานต่อไปได้ โดยเปลี่ยนค่าตอบแทนจากค่าจ้างรายเดือน มาเป็นสินจ้างตามการทำงานที่ทำ เช่น แพทย์เปลี่ยนจากเงินเดือนมาเป็นค่ารักษาตามจำนวนคนไข้ ที่ปรึกษากฎหมายก็เปลี่ยนจากเงินเดือนมาเป็นค่าปรึกษาหรือค่าทำความเห็นมาเป็นรายครั้ง ซึ่งก็ยังผูกพันกันในเชิงผลประโยชน์กันอยู่ระหว่างเจ้าของกิจการกับผู้ที่รับทำงานให้ เห็นได้ชัดเจนว่ากฎหมายย่อมไม่มีเจตนารมณ์ให้หาช่องทางหลีกเลี่ยงให้ทำได้โดยง่าย

ข้อเท็จจริงได้จากการไต่สวนผู้ถูกร้อง หลังจากผู้ถูกร้องเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ผู้ถูกร้องยังเป็นพิธีกรในรายการ "ชิมไปบ่นไป" และ "ยกโขยงหกโมงเช้า" ให้กับ บริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เมื่อพิเคราะห์ถึงลักษณะกิจการงานที่บริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด
ได้กระทำร่วมกันกับผู้ถูกร้องมาโดยตลอดเป็นเวลาหลายปี โดยบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เพื่อมุ่งค้าหากำไร ไม่ใช่เพื่อการกุศลสาธารณะ และผู้ถูกร้องได้รับค่าตอบแทนอย่างสมฐานะ และภารกิจเมื่อได้กระทำในระหว่างที่ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการกระทำและนิติสัมพันธ์ที่อยู่ในขอบข่ายที่มาตรา 267 ประสงค์จะป้องปรามเพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกับภาคธุรกิจเอกชนแล้ว ทั้งยังปรากฏจากคำให้สัมภาษณ์ของผู้ถูกร้องในหนังสือ "สกุลไทย" ฉบับที่ 47 ประจำวันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2544 หน้า 37 อีกด้วยว่า การทำหน้าที่พิธีกรกิตติมศักดิ์รายการโทรทัศน์ "ชิมไปบ่นไป" ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 10.30-11.00 น. ทางสถานีไอทีวี ผลิตรายการโดยบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัดนั้น ผู้ถูกร้องได้รับเงินเดือนจากบริษัทเดือนละ 8 หมื่นบาท

สำหรับหนังสือของ นายศักดิ์ชัย แก้ววรรณีสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด ที่มีถึงผู้ถูกร้องลงวันที่ 15 ธันวาคม 2550 ปรึกษาว่าผู้ถูกร้องจะดำเนินการอย่างไรในการเป็นพิธีกรรับเชิญในรายการ "ชิมไปบ่นไป" และหนังสือของผู้ถูกร้องมีถึงนายศักดิ์ชัย ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2550 แจ้งว่าผู้ถูกร้องจะทำให้เปล่าๆ โดยไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นค่าน้ำมันรถเหมือนอย่างเคยนั้น ผู้ถูกร้องไม่เคยแสดงหนังสือทั้ง 2 ฉบับนี้มาก่อนจะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งเรียกให้ชี้แจง โดยผู้ถูกร้องชี้แจงเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 และยังคงยืนยันเสมือนว่าก่อนเดือนธันวาคม 2550 ผู้ถูกร้องได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าน้ำมันรถเท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับคำเบิกความของนางดาริกา รุ่งโรจน์ พนักงานบัญชีของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด และหลักฐานทางภาษีอากรดังกล่าวข้างต้น ที่ว่าก่อนหน้านั้นผู้ถูกร้องได้รับค่าจ้างแสดง ไม่ใช่ค่าน้ำมันรถ อันเป็นข้อพิรุธ ส่อแสดงว่าเป็นการทำหลักฐานย้อนหลัง เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่าตอบแทนของผู้ถูกร้อง
ทั้งผู้ถูกร้องเองเบิกความว่าผู้ถูกร้องไม่ได้รับค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่าย น่าจะเป็นการนำเงินไปให้คนขับรถมากกว่า ก็ขัดแย้งกับคำชี้แจงของผู้ถูกร้อง ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ที่ให้การว่า การที่ผู้ถูกร้องได้รับเชิญไปในรายการ "ชิมไปบ่นไป" น่าจะได้รับค่าพาหนะ โดยค่าพาหนะจะได้รับเฉพาะเมื่อไดไปออกรายการเท่านั้น ถ้าไม่ไปออกรายการตามที่เชิญมากก็ไม่ได้รับค่าพาหนะ จึงรับฟังเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้

พยานหลักฐานทั้งหมดมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องทำหน้าที่พิธีกรในรายการ "ชิมไปบ่นไป" หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยผู้ถูกร้องยังคงได้รับค่าตอบแทนที่มีลักษณะเป็นทรัพย์สินจากบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด ดังนั้น การที่ผู้ถูกร้องเป็นพิธีกรให้แก่บริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด จึงเป็นการรับจ้างการทำงานตามความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" ตามนัยแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 แล้ว
กรณีถือได้ว่าผู้ถูกร้องเป็นลูกจ้างของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เป็นการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องจึงสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7)

อนึ่ง มีตุลาการรัฐธรรมนูญ 6 คน เห็นว่าผู้ถูกร้องเป็นลูกจ้างของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เป็นการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในปัญหาว่าผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งใดในบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัดหรือไม่อีก ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 3 คน เห็นว่าการเป็นพิธีกร การใช้ชื่อรายการ "ชิมไปบ่นไป" และใช้รูปใบหน้าของผู้ถูกร้องในรายการของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เป็นการตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้น ในลักษณะที่เป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ดังนั้น การกระทำของผู้ถูกร้องให้แก่บริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด จึงเป็นการดำรงตำแหน่งในห้างหุ้นส่วน โดยมุ่งหาผลกำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน และไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาว่า ผู้ถูกร้องเป็นลูกจ้างบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด เป็นการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 หรือไม่อีก

อาศัยเหตุผลข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ จึงวินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 มีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว

เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 จึงเป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 วรรคหนึ่ง (1) แต่ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีเป็นการสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ทำให้รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลือ จึงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1220970089&grpid=04&catid=17

คุณคิดอย่างไรกับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง

5131601221