ที่เกิดเหตุ: ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


จากวันปล้นปืน 4 มกราคม 2547 จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2550
ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ปี จะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วมากมายหลายต่อหลายศพ
ทั้งที่เสียงสวดยังกึกก้องทั่วทุกมัสยิด
ทั้งที่ท้องทะเลยังเปล่งประกายสีเขียวมรกต
ทว่าทุกเช้า ข่าวความตายรายวันถูกรายงานอย่างต่อเนื่อง
และไม่มีทีท่าว่าจะถูกเยียวยา
ป้ายใบปลิว 'แผ่นดินนี้ของกู' ลอยร่วงลงปักกลางใจใครหลายคน
กระแสการแบ่งแยกดินแดนรุนแรงขึ้นตลอดเวลา
สงครามศาสนาก่อตัวอย่างเป็นรูปธรรม
ไทยพุทธเริ่มละทิ้งบ้าน เพราะทนอยู่ไม่ได้
ไทยมุสลิมแห่ศพประท้วงรัฐ คัดค้านว่า 'ตำรวจฆ่ามั่ว'
แพะในร่างคนเพิ่มปริมาณประชากรรวดเร็วกว่าแพะจริงๆ
บางคืน คมมีดคุกคามเข้าไปฟันคอพระถึงในวัด
บางวัน กระสุนปืนพุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจโต๊ะอิหม่าม
ทั้งที่เสียงสวดจากสองศาสนายังสอดประสาน
ทั้งที่เสื้อผ้า ชุดคลุมกายบุรุษสตรีงดงาม สงบ
มาลัยดอกมะลิในมือผู้เฒ่ามุสลิมหอมจรรโลงใจ
โรตีและข้าวยำยังน่ากิน ใบหน้าเด็กหญิงชายคงความน่ารัก
ทว่าโรงเรียนนับร้อยแห่งประกาศปิดการเรียนการสอนกลางเทอม
ปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ครูกลายเป็นเป้าคนสำคัญ
ทหารถูกลอบวางระเบิด
ชาวบ้านถูกจ่อยิง เผา ตัดคอ ฯลฯ
ประชาชนคนธรรมดาถูกพิพากษาว่าเป็นโจรใต้
ต้นยางและพื้นที่สีเขียวชุ่มชื่นหัวใจกลับกลายเป็นสีแดง
ทั้งสิ้นทั้งปวง เราคิดเอาเองได้จริงหรือว่าอะไรคือรากเหง้าปัญหา
ทั้งสิ้นทั้งปวง เราคิดเอาเองได้จริงหรือว่าจะแก้ไขจัดการอย่างไร
ถ้าไม่ได้ลงไปศึกษาเรียนรู้ ณ ที่เกิดเหตุ

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

เปิดวิสัยทัศน์...แอดมิชชั่นส์ความหายนะวงการ"วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี"ของไทย


"ระบบแอดมิชชั่นส์กำลังพ่นพิษสร้างความหายนะต่อวงการศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของไทยด้วยการจัดการศึกษาในสาระการเรียนรู้สำหรับช่วงชั้นที่ 4 (ม-ม.6)นั้นพบว่าการเรียนการสอน ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ของการประเมินผลเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาผ่านระบบแอดมิชชั่นส์"

นี่คือมุมมองของ" รศ.เย็นใจ สมวิเชียร" กรรมการมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) ผู้รู้ลึกรู้จริง ในวงการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และเธอคือผู้อยู่เบื้องหลังการปั้นเด็กหัวกะทิให้สามารถพิชิตรางวัลโอลิมปิกวิชาการมาครอง

รศ.เย็นใจชี้ว่า เมื่อเด็กชั้นม.4-ม.6 สามารถเลือกเรียนตามความถนัดและความสนใจ จึงมีเด็ก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นสายวิทยาศาสตร์ และกลุ่มที่เน้นสานศิลปศาสตร์ เด็กทั้ง 2 กลุ่มจะต้องเรียนสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน 4 รายวิชา 6 หน่วยกิต แยกเป็นรายวิชาดังนี้ 1.แรงและการเคลื่อนที่(ฟิสิกส์),2.โลกดาราศาสตร์และอวกาศ(ดาราศาสตร์), 3.สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดำรงชีวิต(ชีววิทยา)และ 4.สารและสมบัติของสาร(เคมี)

ส่วนเด็กสายวิทย์จะต้องเรียนเพิ่มอีก26-30 หน่วยกิต เพื่อให้มีพื้นฐานเพียงพอ ที่จะไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา อีก 17 รายวิชาได้แก่ เคมี 5 รายวิชา, ชีววิทยา 5 รายวิชา, ฟิสิกส์ 6 รายวิชา และดาราศาสตร์ 1 รายวิชา

การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต)นักเรียนม.6ทุกคน จะสอบเฉพาะสาระการเรียนรู้พื้นฐานวิทยาศาสตร์เพียง 4 รายวิชา เมื่อทุกคนต้องสอบเหมือนกัน ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ 1.ข้อสอบออกยากไม่ได้เพราะเด็กสายศิลป์จะทำไม่ได้ ส่วนเด็กสายวิทย์ จะง่ายมากๆ จึงไม่น่าแปลกใจว่ามีคนได้คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เต็ม คะแนน และมีคนได้ 0 คะแนน 2.ไม่สามารถแยกแยะนักเรียนสายวิทย์ได้ว่ามีความรู้พื้นฐานแค่ไหนเพราะข้อสอบออกระดับม.3

"ข้อสอบโอเน็ต จึงประเมินความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเด็กสายวิทย์ไม่ได้ เพราะไม่ได้ประเมิน ความรู้ที่เรียนมาอีก17 รายวิชาที่เรียนมาตลอดเวลา 3 ปี(ม.4-ม.6)" รศ.เย็นใจ ระบุ

สำหรับข้อสอบเอเน็ตหรือการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง ปกติต้องสอบความรู้ทุกรายวิชา เพื่อทราบว่านักเรียนจะเรียนต่อในระดับสูงทางด้านวิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ได้หรือไม่ แต่สอบเอเน็ตใช้เวลา 1 ชั่วโมง เพื่อสอบ 3-4 วิชาคือ เคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์ ซึ่งรวม ดาราศาสตร์ด้วย เมื่อเด็กต้องสอบเนื้อหาวิชาที่แตกต่างกันมา จึงทำให้เด็กสับสน ผลคือเด็กทำไม่ได้ หรือ ทำไม่ทัน หรือไม่ทำ

อีกทั้งเวลาสอบไม่สัมพันธ์กับการเรียน เพราะเรียนตลอด 3 ปี (ม-6) เคมี 60 ชั่วโมง ชีววิทยา 60 ชั่วโมง ฟิสิกส์ 80 ชั่วโมง และดาราศาสตร์ 40 ชั่วโมง ทำให้ข้อสอบไม่ครอบคลุมเนื้อหาที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อในระดับสูงได้ ไม่สามารถแยกเด็กได้ว่ามีความรู้มากพอที่จะเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อหรือไม่

การให้น้ำหนัก100 คะแนนในกลุ่มสาระการเรียนรู้รายวิชา ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์และ ดาราศาสตร์ เท่ากันจึงไม่เป็นธรรมกับเด็กสายวิทย์ เพราะถ้านักเรียนสอบได้คะแนนสูงในวิชา ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษก็เข้าเรียนคณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ฯลฯ ได้

ผลเสียที่เกิดขึ้นเด็กกวดวิชาเพิ่ม เด็กที่เรียนเก่งด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ ไม่สนใจพัฒนาตนเองด้านวิทยาศาสตร์ แต่มุ่งไปกวดวิชาด้านภาษาไทยและสังคมศึกษาแทน ทำให้ผู้ปกครองต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และทำให้การเรียนการสอนในโรงเรียนไม่ได้ผลเต็มประสิทธิภาพ

"ก่อให้เกิดความเสียหายต่อวงการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ได้เกิดขึ้นแล้ว ในคณะวิทยาศาสตร์และคณะที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน ที่ใช้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เช่น วิศวกรรมศาสตร์และแพทยศาสตร์ ดูจากเกรดเฉลี่ยของนิสิตชั้นปีที่วิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปีการศึกษา 2547 -2550 จาก 1.94, ลดลงเป็น 1.93, 1.29, จนเหลือ 1.2 ทั้งๆที่ข้อสอบง่าย และสองปีหลังมีนิสิตขอถอนประมาณครึ่งหนึ่ง ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน ทำให้สูญเสียทั้งงบประมาณและเสียเวลาในการพัฒนาบุคลากร" รศ.เย็นใจ ระบุ

จะเห็นได้ว่า"แอดมิชชั่นส์" ทำให้เกิดความหายนะ ต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยในระยะยาว ทำให้ประเทศไทยล้าหลังนานาชาติ ทั้งๆ ที่บุคลากรมีคุณภาพ แต่ระบบการสอบและระบบการศึกษาทำลายบุคคลเหล่านี้


http://www.rssthai.com

สากียะห์ หะรงค์

5131202082

นปช.ชี้ 9 แกนนำ พธม.กลัวถูกจับ




เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 51 ที่บริเวณหน้ารัฐสภาและที่ท้องสนามหลวงในช่วงเย็น ซึ่งกลุ่ม นปช.ยังปักหลักชุมนุมปราศรัยให้กำลังใจรัฐบาลและโจมตี 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่องและดุเดือด โดยมีการให้เวลา 7 วัน กลุ่มพันธมิตรฯต้องยุติการชุมนุมยึดสถานที่ราชการ และสนามบินทั่วประเทศ มิฉะนั้นจะต้องไปหาแผ่นดินใหม่อยู่ ขณะที่ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ก็กล่าวท้าทายให้ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาดีเบตกันผ่านสถานีโทรทัศน์ แต่เชื่อว่าทั้งหมดจะไม่กล้าออกมาเพราะกลัวถูกจับตามหมายจับ พร้อมกันนี้ก็ได้เรียกร้องกลุ่มพลังเงียบทั่วประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาแสดงพลังถือป้ายประณามกลุ่ม พันธมิตรฯ และสนับสนุนรัฐบาลอย่างน้อยวันละ 1 ชม. เป็นประจำทุกวัน


พลังอีสานจี้ ตร.จัดการคนทำผิดนอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในหลายจังหวัดภาคอีสาน อาทิ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ฯลฯ ก็มีประชาชนจากอำเภอต่างๆจำนวนมาก นำโดยผู้นำชุมชนและนักการเมืองพรรครัฐบาล ออกมาชุมนุมถือป้ายให้การสนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป และเรียกร้องให้รัฐบาล ใช้กฎหมายดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่ละเมิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงให้กำลังใจตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความสงบของประเทศ ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯยุติการชุมนุมเช่นกัน หากไม่หยุดก็จะเดินทางเข้ากรุงมาขับไล่
คุณคิดอย่างไรกับข่าวนี้
นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221