ภูเก็ต-กระบี่ยังปิดสนามบิน ผู้ชุมนุมตั้งเงื่อนรบ.ไขก๊อก

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (30 ส.ค.) ถึงการติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดสนามบินสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ประกอบด้วย จ.กระบี่ สงขลา และภูเก็ต ตั้งแต่วานนี้ ที่สนามบินนานาชาติ จ.กระบี่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประมาณ 700 คน บริเวณชั้น 2 อาคารที่พักผู้โดยสาร หลังสามารถบุกเข้าไปภายในสนามบินได้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ก่อนเปิดเวทีปราศรัยและเปิดโทรทัศน์ติดตามชมการปราศรัยของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำให้มีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตกค้างอยู่ภายในสนามบิน ประมาณ 20 คน สนามบินจึงจัดรถตู้รับผู้โดยสารตกค้างเดินทางกลับไปพักผ่อนเพื่อรอสนามบินเปิด ส่วนที่สนามบินนานาชาติ จ.สงขลา กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายการชุมนุมเมื่อเวลา 22.20 น.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สนามบินยังยุติการบินอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในส่วนของเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นปราศรัยของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาเป็นระยะๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 500-600 นาย ยืนรักษาความปลอดภัย ไม่ให้มีการบุกเข้าไปภายในสนามบินได้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าจะไม่สลายการชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะตัดสินใจลาออก ทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถผ่านเข้า-ออกสนามบินได้ จากการเจรจาของกลุ่มผู้ชุมนุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังไม่ได้ข้อยุติต้องปิดสนามบินชั่วคราว ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มวิตกกังวลเนื่องจากเศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวจากปัญหาสึนามิ ผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว ต้องเข้าพักตามโรงแรมต่างๆรอจนกว่าสนามบินจะเปิดให้บริการได้



รัฐบาลจะดำเนินการต่อไปอย่างไร??



นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

บุกยึด NBT



เหตุการณ์ที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

บุกยึด NBT

http://www.youtube.com


นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

มาดูการ์ตูนกันดีกว่า





นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

พรรคร่วมกอดคอฝ่าวิกฤติ นัดถก2สภาหาทางออก31สค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและตัวแทนเข้าร่วมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นรวมทั้งหาทางออก โดยมี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายวิทยา บุรณศิริ ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคพลังประชาชน รวมทั้งตัวแทนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าร่วมประชุม ขาดเพียง ตัวแทนจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา



นายบรรหาร กล่าวปฏิเสธ กรณีมีการระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะถอนตัว ว่า ปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้อยู่เหนือเหตุผล ยืนยันว่าจะไม่ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล



ขณะที่ นายมั่น พัธโนทัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นยังไม่ถึงเวลาจะถอนตัวจากรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ถึงทางตัน พรรคเพื่อแผ่นดิน มีรัฐมนตรีถึง 4 คน พร้อมแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาลต่อไป



ด้าน นายเสนาะ กล่าวว่า ปัญหานี้ควรจะมีการหารือกันในรัฐสภา เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐสภาสามารถหาทางออกของบ้านเมืองได้ในหลายปัญหา และปัญหาขณะนี้อยู่เหนือเหตุผล แม้แต่อำนาจตุลาการ อำนาจศาลก็ไม่สามารถควบคุมได้ โดยวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.นี้จะมีการประชุมร่วม 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา ส.ส. ส.ว. ประชุมร่วมกันหาทางออก บรรยากาศการประชุมจะไม่แบ่งเป็น ส.ส.รัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน จะใช้รัฐสภา ในฐานะอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติแก้ปัญหานี้

คุณคิดว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างไร?




http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=102382

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

รัฐตำรวจอย่าเว่อร์ลุแก่อำนาจ ตั้งข้อหากบฏ9แกนนำพธม.

ดูเหมือนรัฐตำรวจซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้อำนาจคำสั่งของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรหุ่นเชิด เพื่อให้จัดการสลายม็อบกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้พ้นจากทำเนียบรัฐบาล แสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือหวังสร้างผลงานโชว์ ด้วยการกำจัดกวาดล้างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้หายสะใจ และที่สำคัญคือ การขออำนาจศาลออกหมายจับ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหากบฏในราชอาณาจักรซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกออกหมายจับฐานเป็นกบฏประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกสัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายเทิดภูมิ ใจดี และนายอมร อมรรัตนานนท์

หากฝ่ายตำรวจดำเนินคดีออกหมายจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตร ในข้อหาบุกรุกหรือทำลายทรัพย์สิน ของทางราชการก็ถือว่าดำเนินการได้โดยชอบธรรม แต่การตั้งข้อหากบฏในราชอาณาจักร ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิตนั้น สะท้อนให้เห็นถึงลูกเล่นของรัฐตำรวจภายใต้ระบอบหุ่นเชิดทักษิณ ที่ลุแก่อำนาจทำอะไรตามใจชอบ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองมีหวังลุกเป็นไฟแน่

การที่ฝ่ายตำรวจตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินเหตุกับ 9 แกนนำฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นนี้ เท่ากับราดน้ำมันราดลงไปในกองไฟ จนอาจทำให้สถานการณ์ เผชิญหน้าที่ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ลุกลามรุนแรงยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็น

การที่ฝ่ายตำรวจ ออกอาการกระเหี้ยนกระหือหาช่องทางเหมือนต้องการจัดการ กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ได้ไม่ว่าด้วยเล่ห์ หรือด้วยกลเพื่อความสะใจทำให้ข้อสงสัยในความเป็นรัฐตำรวจ ที่ทำตัวเป็นทาสรับใช้ฝ่ายการเมืองมีน้ำหนักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะสร้างผลงาน เพื่อเอาใจเจ้านายโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา

ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ว่า ตำรวจตั้งข้อหากบฏกับ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังไม่เข้าข่ายการเป็นกบฏแม้แต่น้อย โทษสูงสุดต่อการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกยึดทำเนียบรัฐบาลก็เพียงบุกรุกสถานที่ราชการเท่านั้น นอกจากนี้การชุมนุมถือเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ของรัฐธรรมนุญตราบใดที่ ไม่ใช้ความรุนแรง และที่สำคัญคือ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นกองกำลังติดอาวุธหวังล้มล้างการปกครอง

ขณะที่ ดร.สุรชัย ศิริไกร อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ย้ำว่าการตั้งข้อหากบฏ 9 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไร้เหตุผลรองรับและเกินความจริง เพราะการชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ถือเป็นการตรวจสอบของภาคประชาชน อีกทั้งภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตลอด 3 เดือน ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการใช้หลักสันติวิธีไม่ได้มีการใช้กำลังอาวุธ เพื่อล้มล้างการปกครองประเทศแต่อย่างใด

เพราะฉะนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจะกลับไปทบทวนจุดยืนบทบาทตัวเองว่า เป็นข้าราชการที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ต่างพระเนตรพระกรรณด้วยความถูกต้องชอบธรรม หรือเป็นแค่ตำรวจเพียงในเครื่องแบบ แต่ไร้จิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพราะเป็นทาสคอยเชลียร์รับใช้ฝ่ายการเมืองอย่างออกหน้าออกตา ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตว่าทีคดีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ หนึ่งในอดีตแกนนำระบอบทักษิณและพิธีกรคนสำคัญในรายการ "เรื่องจริงวันนี้"ทางสถานีโทรทัศน์ NBT กรมประชาสัมพันธ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทั้งสองตกเป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่จนบัดนี้ตำรวจก็ไม่เห็นกระตืนรือร้นที่จะเร่งรัดคดี ทำให้อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า บ้านเมืองอยู่ในยุครัฐตำรวจที่เลือกปฏิบัติใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน




นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082


http://www.naewna.com

อย่ารอให้เลือดนองแผ่นดิน

จำได้ว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ร้อนแรงขึ้น ภายหลังจากการจับกุมตัวบุคคลที่ทางการกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ" จำนวน 13 คน

น่าสนใจว่า ขณะนี้ ทางการก็ได้ตั้งข้อหา "กบฏ" เอากับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 9 คน และกำลังพยายามจะเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และสลายการชุมนุมของประชาชนที่ปักหลักอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ตลอดจนบริเวณท้องถนนโดยรอบ

ทั้ง 9 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี

เราไม่ควรลืมบทเรียนในปี 2516 เมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นหลังการจับกุม "กบฏ 13 คน" แล้ว ต่อมาในภายหลัง แม้ทางการจะยอมปล่อยตัว "กบฏ 13 คน" แต่สถานการณ์ก็ได้ขยายตัวลุกลามไปจนเกินกว่าจะควบคุมได้เสียแล้ว

ดังนั้น ก่อนจะปล่อยให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำอะไรโง่ๆ แล้วมีผลทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายมากไปกว่านี้ ผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในบ้านเมือง ผู้ปกบ้านป้องเมืองทั้งหลาย ควรจะ "คิดหน้า-คิดหลัง" ให้รอบคอบและแม่นยำ

คิดหน้า คือ คิดไปข้างหน้า ว่าผลจากการใช้อำนาจรัฐของรัฐบาลนายสมัคร จะนำพาบ้านเมืองไปสู่สถานการณ์แบบใด

คิดหลัง คือ คิดถึงที่มา-ที่ไปของปัญหา สาเหตุที่ประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงขับไล่รัฐบาลชุดนี้

ชาติบ้านเมืองเป็นของนายสมัคร สุนทรเวช คนเดียวหรือ ?



ชะตากรรมของประเทศชาติ ตกอยู่ในอุ้งมือของคนที่ประกาศตัวว่าเป็นนอมินีให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และยืนยันว่า จะไม่เนรคุณทักษิณ เท่านั้นหรือ ?

นายสมัคร เป็นคนที่มีชนักติดหลัง มีคดีติดตัว มีผลประโยชน์ส่วนตัว หรือมี "เดิมพันส่วนตัว" แอบแฝงอยู่ในการใช้อำนาจรัฐอย่างยิ่งยวด

ทางเลือกที่ดีที่สุด ละมุมละม่อมที่สุด เป็นทางออกเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติส่วนรวม อาจจะไม่ถูกเลือก หากมันไม่ใช่หนทางที่เอื้อต่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเดิมพันส่วนตัวของผู้กุมอำนาจรัฐ

คนแบบนี้ ยังควรวางใจให้ยึดครองอำนาจรัฐในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ อีกหรือ?

รัฐสภาต้องคิด และต้องแสดงบทบาท

กองทัพต้องคิด และต้องส่งสัญญาณที่ชัดเจน

นักวิชาการต้องคิด และต้องแสดงออก

สื่อมวลชน และสมาคมวิชาชีพสื่อ จะต้องมีบทบาทที่เข้มแข็งและชัดเจนยิ่งกว่านี้ ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ ปลุกระดมใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสื่อของรัฐที่กระจายสู่วงกว้าง จะต้องไม่ให้ฝ่ายการเมืองของรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต

ประชาชนที่มีสติปัญญา มีความรู้เท่าทันเหตุบ้านการเมืองในยามนี้ ก็ต้องคิด และต้องแสดงจุดยืน

อำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย มี 3 ส่วน คือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ

สถานการณ์ในขณะนี้ คือ "อำนาจบริหาร" หรือ "รัฐบาลนายสมัคร" ตกอยู่ในสภาพ "ติดหล่ม" ไม่ได้รับการยอมรับ สูญสิ้นความสามารถในการปกครองประเทศ

อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร คือ ส.ส.ทั้งหลาย และวุฒิสภา คือ ส.ว.ทั้งหลาย จะต้องแสดงบทบาทในการ "ถอดสลัก" ปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองโดยด่วนที่สุด

ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายตุลาการ คือ ศาลยุติธรรม (โดยเฉพาะศาลฎีกา) ศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจตุลาการส่วนหนึ่ง (ป.ป.ช. /ผู้ตรวจการแผ่นดิน) จะต้องมีความกล้าหาญ และตระหนักถึงความสำคัญของการทำหน้าที่ให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้โดยไม่เกิดความเสียหายร้ายแรง

เราทุกคน มีภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่จะต้อง "ทำอะไรบางอย่าง" เพื่อช่วยให้ประเทศชาติก้าวข้ามความรุนแรง และหลุดพ้นไปจาก "เงามืดของทรราช" !

อย่ารอให้เลือดนองแผ่นดิน !







นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082


http://www.naewna.com

ลดดีกรีการเมืองนิดนึง กับปัญหาน้ำท่วม

รู้ไหมว่าทำไมน้ำจากแม่น้ำโขงท่วมเวียงจันทร์และบางจังหวัดของไทย

กรณีที่น้ำในแม่น้ำโขงไหลเอ่อท่วมเวียงจันทน์และบางจังหวัดในประเทศไทยนั้น มีเหตุผลอันน่าเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนของจีน 3 เขื่อนเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า แต่การสร้างเขื่อนดังกล่าวทำให้มีการกักน้ำและมีการปล่อยน้ำตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ผลที่เกิดขึ้นนั้นนำไปสู่ความผิดปกติ เช่น ในฤดูแล้งน้ำจะแห้งขอดในบางตอน และในฤดูฝนน้ำก็ไหลเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมฝั่งโขงดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือน้ำท่วมเวียงจันทน์และไหลเอ่อท่วมเชียงของในประเทศไทย

เป็นที่ทราบกันนานแล้วว่าได้มีการสร้างเขื่อนในประเทศจีนซึ่งมีอยู่เขื่อนหนึ่งสูงถึง 250 กว่าเมตร และมีข่าวว่าจะมีการสร้างอีก 5 เขื่อนรวมเป็น 8 เขื่อน นอกจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงจีนยังทำการระเบิดเกาะแก่งเพื่อการเดินเรือ ยังมีการกล่าวว่ามีการถ่ายเทน้ำมันเครื่องลงแม่น้ำโขงด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปัญหาเรื่องน้ำแห้งและน้ำท่วม และยังมีเหตุผลอันน่าสงสัยว่าการลดจำนวนลงของปลาบึกนั้นอาจมีส่วนมาจากการรบกวนธรรมชาติ
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสากล จุดเริ่มต้นมาจากทิเบตแต่ไหลผ่านประเทศจีน จีนซึ่งเป็นประเทศต้นน้ำใช้ประโยชน์จากน้ำได้ แต่ข้อปฏิบัติระหว่างประเทศนั้นจะต้องมีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ที่สำคัญจะต้องไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศที่อยู่ทางปลายน้ำ ซึ่งประกอบด้วย ประเทศพม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม
ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การกักน้ำและการปล่อยน้ำกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในอำนาจของประเทศจีน และไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติของแม่น้ำสากล ผลข้างเคียงในทางมลพิษยังไม่มีการสำรวจอย่างแท้จริง แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ การขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและน้ำมีมากกว่าปกติในฤดูฝนจนเกิดความเสียหายจากอุทกภัยดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่นานมานี้

บทความนี้เขียนโดยศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน
อ่านเนื้อความทั้งหมดได้จากhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000101366

พันธมิตรฯทั่วประเทศเริ่มเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่

เครือข่ายพันธมิตรจากทั่วประเทศ เริ่มออกเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันพรุ่งนี้ โดยต่างยืนยันหากไม่ได้รับชัยชนะ จะไม่เดินทางกลับอย่างที่จังหวัดลำปาง แกนนำพันธมิตรภาคเหนือและลำปาง นำโดยพลตรีสมเกียรติ พ่วงทรัพย์, นายแพทย์บุญจง ชูชัยแสงรัตน์ และนายสมโชค จันทร์ทอง ได้เหมาขบวนรถไฟขบวนที่ 102 จำนวน 3 โบกี้ ไว้ให้กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือเดินทางไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยขบวนรถได้ออกเดินทางจากจังหวัดลำปางเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ระหว่างทางได้มีการแวะรับพันธมิตรจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางมุ่งสู่กรุงเทพด้วย ทั้งนี้ประชาชนที่ร่วมเดินทางต่างยืนยันจะชุมนุมจนกว่าจะได้รับชัยชนะ เช่นกันกับสมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดินและเครือข่ายพันธมิตรบุรีรัมย์กว่า 300 คน ออกเดินทางทั้งทางรถไฟ รถบัสโดยสารประจำทาง รถตู้จัดเหมาและรถยนต์ส่วนตัว เพื่อไปรวมกับกลุ่มพันธมิตรภาคอีสาน ที่ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนออกเดินทางพร้อมกันเพื่อมาร่วมชุมนุมใหญ่ที่สะพานมัฆวานรัสรรค์ กรุงเทพมหานครด้านพันธมิตรจังหวัดเลย เริ่มรวมตัวกันที่ลานประชาธิปไตย ริมน้ำกุดป่อง เขตเทศบาลเมืองเลย เพื่อเดินทางมายังสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ตามสัญญาณเป่านกหวีดครั้งสุดท้ายของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกลุ่มพันธมิตรจังหวัดเลย จะออกเดินทางในวันนี้ ด้วยรถตู้ที่จัดเหมามาหลายคันด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่พร้อมชุมนุมอย่างเต็มที่ หากไม่ได้รับชัยชนะ ก็จะยอมเดินทางกลับมา ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา เครือข่ายพันธมิตรประกอบด้วย ภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย ,สภาเครือข่ายประชาชนภาคอีสาน ,สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัดและประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง จัดเวทีระดมพลครั้งใหญ่ มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน มีแกนนำอย่างนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายการุณ ใสงาม, นายสุชาติ ศรีสังข์ ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัย สลับกับการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังอย่างหงา คาราวาน ,วงอินโดจีน, วสันต์ สิทธิเขต เป็นต้น ขณะที่ทันตแพทย์ ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด บอกว่าทางเครือข่ายสมาชิกภาคอีสาน จะออกเดินทางในวันนี้ เพื่อเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหากไม่ได้รับชัยชนะจะไม่เดินทางกลับเช่นกัน

นางสาว กนกวรรณ ศรีละออง

5131601221

การ์ตูน






นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

นักรบศรีวิชัยคุยกับช่อง 3

นางสาว กนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

http://www.youtube.com/watch?v=7fsqcAqH0Co