เกียรติ ตร.ของไทย คือ เหยียบหัวประชาชน!

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา.....





รัฐบาลได้สั่งการให้ตำรวจใช้กำลังติดอาวุธในการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 11.00น. ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในทำเนียบรัฐบาล รวมถึงในช่วงหัวค่ำที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกด้วย คำสั่งสลายและใช้ความรุนแรงดังกล่าวของส่งผลให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ผู้สูงอายุ นอกจากนี้ตำรวจยังใช้กำลังเข้าทำลายทรัพย์สินของกลุ่มพันธมิตรอีกด้วย







ปกและภาพหน้า-หลังของบางกอกโพสต์



ปกและภาพหลังของเดอะเนชั่น





ปกหนังสือพิมพ์คมชัดลึก





ปกหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์





นี่หรอคือวิธีการที่รัฐบาลชุดนี้ทำกับประชาชน แล้วคำว่า ประชาธิปไตยอยู่ที่ไหน??


ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102660
เขียนโดย นางสาวกฤติกา ทรีย์มาติพันธ์ ID 5131601232 Major : Law


ต้นเหตุ




แล้วคุณคิดว่าต้นเหตุต่างๆมาจากอะไรบ้าง??
นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

สารหล่อลื่นถุงยางแก้สิว !!!!!!


สื่อท้องถิ่นกัมพูชา รายงานข่าวเมือวั้นที่ 28 ส.ค. ว่า ถุงยางอนามัยที่ผลิตมาเพื่อคนในธุรกิจค้าบริการทางเพศและพวกรักร่วมเพศกำลังเป็นที่นิยมนำมารักษาสิวในหมู่ผู้หญิงกัมพูชาในกรุงพนมเปญ โดยสารหล่อลื่นที่ได้จากถุงยางอนามัยยี่ห้อ "นัมเบอร์ วันพลัส" ที่ผลิตโดยหน่วยงานบริการประชาชนนานาชาติ(พีเอสไอ) องค์กรด้านสาธารณสุขในกัมพูชา ได้รับการบอกกล่าวว่ารักษาได้จริง

ด้านผูหญิงคนหนึ่งเผยกับ นสพ.กัมพูเจีย ไทม์ ว่า เธอเคยใช้ยาหลายขนานรักษาสิวแต่ก็ไม่ได้ผลหลังจาก
ที่เพื่อนที่ทำงานในโรงงานทอผ้าในพนมเปญแนะนำให้ใช้สารหล่อลื่นจากถุงยางข้างต้นแตะแต้มบนใบหน้าทุกคืน แค่ 3-4 คืนก็เริ่มเห็นผล นสพ.กัมพูเจีย ไทม์ ได้เรียกร้องให้ผู้เชี่ยวชาญออกมาตรวจสอบปรากฎการณ์นี้แล้ว ส่วนพีไอเอส เจ้าของผลิตภัณฑ์ยังไม่ได้ออกมาให้ทัศนะคติในเรื่องนี้....
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2551
นางสาวกฤติกา ทรีย์มาติพันธ์
ID 5131601232

ภูเก็ต-กระบี่ยังปิดสนามบิน ผู้ชุมนุมตั้งเงื่อนรบ.ไขก๊อก

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (30 ส.ค.) ถึงการติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดสนามบินสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ประกอบด้วย จ.กระบี่ สงขลา และภูเก็ต ตั้งแต่วานนี้ ที่สนามบินนานาชาติ จ.กระบี่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประมาณ 700 คน บริเวณชั้น 2 อาคารที่พักผู้โดยสาร หลังสามารถบุกเข้าไปภายในสนามบินได้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ก่อนเปิดเวทีปราศรัยและเปิดโทรทัศน์ติดตามชมการปราศรัยของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำให้มีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตกค้างอยู่ภายในสนามบิน ประมาณ 20 คน สนามบินจึงจัดรถตู้รับผู้โดยสารตกค้างเดินทางกลับไปพักผ่อนเพื่อรอสนามบินเปิด ส่วนที่สนามบินนานาชาติ จ.สงขลา กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายการชุมนุมเมื่อเวลา 22.20 น.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สนามบินยังยุติการบินอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในส่วนของเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นปราศรัยของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาเป็นระยะๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 500-600 นาย ยืนรักษาความปลอดภัย ไม่ให้มีการบุกเข้าไปภายในสนามบินได้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าจะไม่สลายการชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะตัดสินใจลาออก ทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถผ่านเข้า-ออกสนามบินได้ จากการเจรจาของกลุ่มผู้ชุมนุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังไม่ได้ข้อยุติต้องปิดสนามบินชั่วคราว ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มวิตกกังวลเนื่องจากเศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวจากปัญหาสึนามิ ผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว ต้องเข้าพักตามโรงแรมต่างๆรอจนกว่าสนามบินจะเปิดให้บริการได้



รัฐบาลจะดำเนินการต่อไปอย่างไร??



นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

บุกยึด NBT



เหตุการณ์ที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

บุกยึด NBT

http://www.youtube.com


นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

มาดูการ์ตูนกันดีกว่า





นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

พรรคร่วมกอดคอฝ่าวิกฤติ นัดถก2สภาหาทางออก31สค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและตัวแทนเข้าร่วมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นรวมทั้งหาทางออก โดยมี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายวิทยา บุรณศิริ ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคพลังประชาชน รวมทั้งตัวแทนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าร่วมประชุม ขาดเพียง ตัวแทนจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา



นายบรรหาร กล่าวปฏิเสธ กรณีมีการระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะถอนตัว ว่า ปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้อยู่เหนือเหตุผล ยืนยันว่าจะไม่ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล



ขณะที่ นายมั่น พัธโนทัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นยังไม่ถึงเวลาจะถอนตัวจากรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ถึงทางตัน พรรคเพื่อแผ่นดิน มีรัฐมนตรีถึง 4 คน พร้อมแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาลต่อไป



ด้าน นายเสนาะ กล่าวว่า ปัญหานี้ควรจะมีการหารือกันในรัฐสภา เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐสภาสามารถหาทางออกของบ้านเมืองได้ในหลายปัญหา และปัญหาขณะนี้อยู่เหนือเหตุผล แม้แต่อำนาจตุลาการ อำนาจศาลก็ไม่สามารถควบคุมได้ โดยวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.นี้จะมีการประชุมร่วม 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา ส.ส. ส.ว. ประชุมร่วมกันหาทางออก บรรยากาศการประชุมจะไม่แบ่งเป็น ส.ส.รัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน จะใช้รัฐสภา ในฐานะอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติแก้ปัญหานี้

คุณคิดว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างไร?




http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=102382

นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

รัฐตำรวจอย่าเว่อร์ลุแก่อำนาจ ตั้งข้อหากบฏ9แกนนำพธม.

ดูเหมือนรัฐตำรวจซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้อำนาจคำสั่งของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรหุ่นเชิด เพื่อให้จัดการสลายม็อบกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้พ้นจากทำเนียบรัฐบาล แสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือหวังสร้างผลงานโชว์ ด้วยการกำจัดกวาดล้างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้หายสะใจ และที่สำคัญคือ การขออำนาจศาลออกหมายจับ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหากบฏในราชอาณาจักรซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกออกหมายจับฐานเป็นกบฏประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกสัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายเทิดภูมิ ใจดี และนายอมร อมรรัตนานนท์

หากฝ่ายตำรวจดำเนินคดีออกหมายจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตร ในข้อหาบุกรุกหรือทำลายทรัพย์สิน ของทางราชการก็ถือว่าดำเนินการได้โดยชอบธรรม แต่การตั้งข้อหากบฏในราชอาณาจักร ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิตนั้น สะท้อนให้เห็นถึงลูกเล่นของรัฐตำรวจภายใต้ระบอบหุ่นเชิดทักษิณ ที่ลุแก่อำนาจทำอะไรตามใจชอบ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองมีหวังลุกเป็นไฟแน่

การที่ฝ่ายตำรวจตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินเหตุกับ 9 แกนนำฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นนี้ เท่ากับราดน้ำมันราดลงไปในกองไฟ จนอาจทำให้สถานการณ์ เผชิญหน้าที่ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ลุกลามรุนแรงยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็น

การที่ฝ่ายตำรวจ ออกอาการกระเหี้ยนกระหือหาช่องทางเหมือนต้องการจัดการ กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ได้ไม่ว่าด้วยเล่ห์ หรือด้วยกลเพื่อความสะใจทำให้ข้อสงสัยในความเป็นรัฐตำรวจ ที่ทำตัวเป็นทาสรับใช้ฝ่ายการเมืองมีน้ำหนักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะสร้างผลงาน เพื่อเอาใจเจ้านายโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา

ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ว่า ตำรวจตั้งข้อหากบฏกับ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังไม่เข้าข่ายการเป็นกบฏแม้แต่น้อย โทษสูงสุดต่อการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกยึดทำเนียบรัฐบาลก็เพียงบุกรุกสถานที่ราชการเท่านั้น นอกจากนี้การชุมนุมถือเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ของรัฐธรรมนุญตราบใดที่ ไม่ใช้ความรุนแรง และที่สำคัญคือ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นกองกำลังติดอาวุธหวังล้มล้างการปกครอง

ขณะที่ ดร.สุรชัย ศิริไกร อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ย้ำว่าการตั้งข้อหากบฏ 9 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไร้เหตุผลรองรับและเกินความจริง เพราะการชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ถือเป็นการตรวจสอบของภาคประชาชน อีกทั้งภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตลอด 3 เดือน ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการใช้หลักสันติวิธีไม่ได้มีการใช้กำลังอาวุธ เพื่อล้มล้างการปกครองประเทศแต่อย่างใด

เพราะฉะนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจะกลับไปทบทวนจุดยืนบทบาทตัวเองว่า เป็นข้าราชการที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน ต่างพระเนตรพระกรรณด้วยความถูกต้องชอบธรรม หรือเป็นแค่ตำรวจเพียงในเครื่องแบบ แต่ไร้จิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพราะเป็นทาสคอยเชลียร์รับใช้ฝ่ายการเมืองอย่างออกหน้าออกตา ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตว่าทีคดีที่นายวีระ มุสิกพงศ์ หนึ่งในอดีตแกนนำระบอบทักษิณและพิธีกรคนสำคัญในรายการ "เรื่องจริงวันนี้"ทางสถานีโทรทัศน์ NBT กรมประชาสัมพันธ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทั้งสองตกเป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่จนบัดนี้ตำรวจก็ไม่เห็นกระตืนรือร้นที่จะเร่งรัดคดี ทำให้อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า บ้านเมืองอยู่ในยุครัฐตำรวจที่เลือกปฏิบัติใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน




นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082


http://www.naewna.com

อย่ารอให้เลือดนองแผ่นดิน

จำได้ว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ร้อนแรงขึ้น ภายหลังจากการจับกุมตัวบุคคลที่ทางการกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ" จำนวน 13 คน

น่าสนใจว่า ขณะนี้ ทางการก็ได้ตั้งข้อหา "กบฏ" เอากับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 9 คน และกำลังพยายามจะเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และสลายการชุมนุมของประชาชนที่ปักหลักอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ตลอดจนบริเวณท้องถนนโดยรอบ

ทั้ง 9 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี

เราไม่ควรลืมบทเรียนในปี 2516 เมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นหลังการจับกุม "กบฏ 13 คน" แล้ว ต่อมาในภายหลัง แม้ทางการจะยอมปล่อยตัว "กบฏ 13 คน" แต่สถานการณ์ก็ได้ขยายตัวลุกลามไปจนเกินกว่าจะควบคุมได้เสียแล้ว

ดังนั้น ก่อนจะปล่อยให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำอะไรโง่ๆ แล้วมีผลทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายมากไปกว่านี้ ผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในบ้านเมือง ผู้ปกบ้านป้องเมืองทั้งหลาย ควรจะ "คิดหน้า-คิดหลัง" ให้รอบคอบและแม่นยำ

คิดหน้า คือ คิดไปข้างหน้า ว่าผลจากการใช้อำนาจรัฐของรัฐบาลนายสมัคร จะนำพาบ้านเมืองไปสู่สถานการณ์แบบใด

คิดหลัง คือ คิดถึงที่มา-ที่ไปของปัญหา สาเหตุที่ประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงขับไล่รัฐบาลชุดนี้

ชาติบ้านเมืองเป็นของนายสมัคร สุนทรเวช คนเดียวหรือ ?



ชะตากรรมของประเทศชาติ ตกอยู่ในอุ้งมือของคนที่ประกาศตัวว่าเป็นนอมินีให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และยืนยันว่า จะไม่เนรคุณทักษิณ เท่านั้นหรือ ?

นายสมัคร เป็นคนที่มีชนักติดหลัง มีคดีติดตัว มีผลประโยชน์ส่วนตัว หรือมี "เดิมพันส่วนตัว" แอบแฝงอยู่ในการใช้อำนาจรัฐอย่างยิ่งยวด

ทางเลือกที่ดีที่สุด ละมุมละม่อมที่สุด เป็นทางออกเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติส่วนรวม อาจจะไม่ถูกเลือก หากมันไม่ใช่หนทางที่เอื้อต่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเดิมพันส่วนตัวของผู้กุมอำนาจรัฐ

คนแบบนี้ ยังควรวางใจให้ยึดครองอำนาจรัฐในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ อีกหรือ?

รัฐสภาต้องคิด และต้องแสดงบทบาท

กองทัพต้องคิด และต้องส่งสัญญาณที่ชัดเจน

นักวิชาการต้องคิด และต้องแสดงออก

สื่อมวลชน และสมาคมวิชาชีพสื่อ จะต้องมีบทบาทที่เข้มแข็งและชัดเจนยิ่งกว่านี้ ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ ปลุกระดมใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสื่อของรัฐที่กระจายสู่วงกว้าง จะต้องไม่ให้ฝ่ายการเมืองของรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต

ประชาชนที่มีสติปัญญา มีความรู้เท่าทันเหตุบ้านการเมืองในยามนี้ ก็ต้องคิด และต้องแสดงจุดยืน

อำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตย มี 3 ส่วน คือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ

สถานการณ์ในขณะนี้ คือ "อำนาจบริหาร" หรือ "รัฐบาลนายสมัคร" ตกอยู่ในสภาพ "ติดหล่ม" ไม่ได้รับการยอมรับ สูญสิ้นความสามารถในการปกครองประเทศ

อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร คือ ส.ส.ทั้งหลาย และวุฒิสภา คือ ส.ว.ทั้งหลาย จะต้องแสดงบทบาทในการ "ถอดสลัก" ปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองโดยด่วนที่สุด

ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายตุลาการ คือ ศาลยุติธรรม (โดยเฉพาะศาลฎีกา) ศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจตุลาการส่วนหนึ่ง (ป.ป.ช. /ผู้ตรวจการแผ่นดิน) จะต้องมีความกล้าหาญ และตระหนักถึงความสำคัญของการทำหน้าที่ให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้โดยไม่เกิดความเสียหายร้ายแรง

เราทุกคน มีภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่จะต้อง "ทำอะไรบางอย่าง" เพื่อช่วยให้ประเทศชาติก้าวข้ามความรุนแรง และหลุดพ้นไปจาก "เงามืดของทรราช" !

อย่ารอให้เลือดนองแผ่นดิน !







นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082


http://www.naewna.com

ลดดีกรีการเมืองนิดนึง กับปัญหาน้ำท่วม

รู้ไหมว่าทำไมน้ำจากแม่น้ำโขงท่วมเวียงจันทร์และบางจังหวัดของไทย

กรณีที่น้ำในแม่น้ำโขงไหลเอ่อท่วมเวียงจันทน์และบางจังหวัดในประเทศไทยนั้น มีเหตุผลอันน่าเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนของจีน 3 เขื่อนเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า แต่การสร้างเขื่อนดังกล่าวทำให้มีการกักน้ำและมีการปล่อยน้ำตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ผลที่เกิดขึ้นนั้นนำไปสู่ความผิดปกติ เช่น ในฤดูแล้งน้ำจะแห้งขอดในบางตอน และในฤดูฝนน้ำก็ไหลเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมฝั่งโขงดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือน้ำท่วมเวียงจันทน์และไหลเอ่อท่วมเชียงของในประเทศไทย

เป็นที่ทราบกันนานแล้วว่าได้มีการสร้างเขื่อนในประเทศจีนซึ่งมีอยู่เขื่อนหนึ่งสูงถึง 250 กว่าเมตร และมีข่าวว่าจะมีการสร้างอีก 5 เขื่อนรวมเป็น 8 เขื่อน นอกจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงจีนยังทำการระเบิดเกาะแก่งเพื่อการเดินเรือ ยังมีการกล่าวว่ามีการถ่ายเทน้ำมันเครื่องลงแม่น้ำโขงด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปัญหาเรื่องน้ำแห้งและน้ำท่วม และยังมีเหตุผลอันน่าสงสัยว่าการลดจำนวนลงของปลาบึกนั้นอาจมีส่วนมาจากการรบกวนธรรมชาติ
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสากล จุดเริ่มต้นมาจากทิเบตแต่ไหลผ่านประเทศจีน จีนซึ่งเป็นประเทศต้นน้ำใช้ประโยชน์จากน้ำได้ แต่ข้อปฏิบัติระหว่างประเทศนั้นจะต้องมีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ที่สำคัญจะต้องไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศที่อยู่ทางปลายน้ำ ซึ่งประกอบด้วย ประเทศพม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม
ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การกักน้ำและการปล่อยน้ำกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในอำนาจของประเทศจีน และไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติของแม่น้ำสากล ผลข้างเคียงในทางมลพิษยังไม่มีการสำรวจอย่างแท้จริง แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ การขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและน้ำมีมากกว่าปกติในฤดูฝนจนเกิดความเสียหายจากอุทกภัยดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่นานมานี้

บทความนี้เขียนโดยศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน
อ่านเนื้อความทั้งหมดได้จากhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000101366

พันธมิตรฯทั่วประเทศเริ่มเดินทางเข้าร่วมชุมนุมใหญ่

เครือข่ายพันธมิตรจากทั่วประเทศ เริ่มออกเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันพรุ่งนี้ โดยต่างยืนยันหากไม่ได้รับชัยชนะ จะไม่เดินทางกลับอย่างที่จังหวัดลำปาง แกนนำพันธมิตรภาคเหนือและลำปาง นำโดยพลตรีสมเกียรติ พ่วงทรัพย์, นายแพทย์บุญจง ชูชัยแสงรัตน์ และนายสมโชค จันทร์ทอง ได้เหมาขบวนรถไฟขบวนที่ 102 จำนวน 3 โบกี้ ไว้ให้กลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือเดินทางไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยขบวนรถได้ออกเดินทางจากจังหวัดลำปางเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ระหว่างทางได้มีการแวะรับพันธมิตรจังหวัดต่างๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางมุ่งสู่กรุงเทพด้วย ทั้งนี้ประชาชนที่ร่วมเดินทางต่างยืนยันจะชุมนุมจนกว่าจะได้รับชัยชนะ เช่นกันกับสมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดินและเครือข่ายพันธมิตรบุรีรัมย์กว่า 300 คน ออกเดินทางทั้งทางรถไฟ รถบัสโดยสารประจำทาง รถตู้จัดเหมาและรถยนต์ส่วนตัว เพื่อไปรวมกับกลุ่มพันธมิตรภาคอีสาน ที่ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนออกเดินทางพร้อมกันเพื่อมาร่วมชุมนุมใหญ่ที่สะพานมัฆวานรัสรรค์ กรุงเทพมหานครด้านพันธมิตรจังหวัดเลย เริ่มรวมตัวกันที่ลานประชาธิปไตย ริมน้ำกุดป่อง เขตเทศบาลเมืองเลย เพื่อเดินทางมายังสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ตามสัญญาณเป่านกหวีดครั้งสุดท้ายของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกลุ่มพันธมิตรจังหวัดเลย จะออกเดินทางในวันนี้ ด้วยรถตู้ที่จัดเหมามาหลายคันด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่พร้อมชุมนุมอย่างเต็มที่ หากไม่ได้รับชัยชนะ ก็จะยอมเดินทางกลับมา ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา เครือข่ายพันธมิตรประกอบด้วย ภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย ,สภาเครือข่ายประชาชนภาคอีสาน ,สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัดและประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง จัดเวทีระดมพลครั้งใหญ่ มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน มีแกนนำอย่างนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายการุณ ใสงาม, นายสุชาติ ศรีสังข์ ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัย สลับกับการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังอย่างหงา คาราวาน ,วงอินโดจีน, วสันต์ สิทธิเขต เป็นต้น ขณะที่ทันตแพทย์ ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด บอกว่าทางเครือข่ายสมาชิกภาคอีสาน จะออกเดินทางในวันนี้ เพื่อเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร โดยหากไม่ได้รับชัยชนะจะไม่เดินทางกลับเช่นกัน

นางสาว กนกวรรณ ศรีละออง

5131601221

การ์ตูน






นางสาวกนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

นักรบศรีวิชัยคุยกับช่อง 3

นางสาว กนกวรรณ ศรีละออง
5131601221

http://www.youtube.com/watch?v=7fsqcAqH0Co

ปฏิบัติการยึดทำเนียบ...พันธมิตรฯบวกหรือลบในสายตาปชช.

การบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กระทรวงการคลัง คมนาคม กรมประชาสัมพันธ์ และทำเนียบรัฐบาลของพันธมิตรฯ ถือเป็นการปฏิบัติการขั้นแตกหัก เพราะการเข้ายึดสถานที่สำคัญครั้งนี้ ต้องรู้ผลแพ้หรือชนะอย่างแน่นอน ส่วนใครแพ้ ใครชนะให้อดใจรอไม่กีวันก็คงรู้ผลจะออกมาอย่างไร

ปฎิบัติการครั้งนี้ของม็อบพันธมิตรฯ ยังต้องวัดว่าพันธมิตรฯบวกหรือลบในสายตาของประชาชน เพราะการกระทำหลายอย่างขัดสายตาประชาชนอย่างยิ่ง อาทิ การนำคนบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT จนไม่สามารถออกอากาศได้ ช่วงเช้ามืดวันที่ 26 สิงหาคม นอกจากจะผิดกฏหมายฐานทำลายทรัพย์สินของทางราชการแล้ว การกระทำดังกล่าวยังเข้าข่ายเป็นกบฏต่อแผ่นดินด้วย


กรณีการเข้ายึดNBTหรือช่อง11 เดิมนั้น สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักหนังสือพืมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสมาคมอื่นๆ ต่างออกมาประนามการกระทำของพันธมิตรฯ ว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามสื่อ ยิ่งเป็นการตอกย้ำอีกว่า กลุ่มพันธมิตรฯได้ผลักมิตรที่ดีคือสื่อค่ายต่างๆ ให้ออกไปเป็นศรัตรูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ส่วนการยึดและปักหลักชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลนั้น ทำให้ข้าราชการ 2000 คนเศษ จากหลายหน่วยงานในทำเนียบ ต้องหยุดงานไปหลายวัน งานราชการแผ่นดินเสียหายไปมาก ในแง่กฏหมายผิดแน่นอน ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับ แกนนำพันธมิตรฯ 9 คน ไปแล้ว แต่ไม่สามารถหยุดม็อบพันธมิตรฯได้ เพราะเป้าหมายของพันธมิตรฯ คือการให้นายสมัคร สุนทรเวช ออกจากนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ออกก็ขอปักหลักในทำเนียบไปเรื่อยๆ แม้ว่าแกนนำม็อบจะถูกจับก็ตาม

ที่ร้ายไปกว่านั้นศาลแพ่งมีคำสั่งให้พันธมิตรฯออกจากทำเนียบรัฐบาล แต่ม็อบยังไม่มีท่าทีว่า จะเคลื่อนการชุมนุมออกจากทำเนียบตามคำสั่งศาล แถมเข้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งอีกต่างหาก


ผลพวงจากม็อบพันธมิตรฯ ทำให้โรงเรียน 7 แห่งที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาลหยุดเรียนหลายวัน ข้าราชการทำเนียบต้องหยุดงาน รวมกับภาพของการบุกเข้าสถานีโทรทัศน์NBT และการปักหลักชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล เท่านี้คงเป็นเหตุผลเพียงพอว่าปฏิบัติการครั้งนี้ของพันธมิตรฯ บวกหรือลบในสายตาประชาชน


ประชาชนคนไหน.....ที่ท่านถาม?
ประชาชนคนตาม......หรือคนหนี?
ประชาชนคนยาก......หรือคนมี?
ประชาชนคนดี.........หรือคนเลว?
.
แต่ละคนมองเห็น....และแตกต่าง
แต่ละคนมองกว้าง.....หรือมองเหลว?
จะเป็นทองคำแท้....หรือทองเปลว?
จะเย้วเย้ว....หรือนั่งนิ่งอิงกำแพง?
.
.
ทุกคนมีคำตอบอยู่ในใจ
ทุกคนคิดทุกคนใฝ่ไม่แถลง
ทุกคนรู้ทุกคนเห็นสิ่งเปลี่ยนแปลง
หลายคนแย้งกฏศักดิ์สิทธิ์..."อนิจจัง"


นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

ปอเนาะ กับ ความมั่นคง ของ ชาติ


แม้ว่ากลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) กลุ่มหนึ่ง ได้กลับลำเปลี่ยนความคิดที่จะยุบ "ปอเนาะ" ไปแล้ว แต่อย่างน้อยความคิด ที่จะยุบปอเนาะนั้น ก็สะท้อนถึงความไม่รู้ และไม่เข้าใจในสถาบันแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวต่างๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับปอเนาะยังเป็นในเชิงลบเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถูกกล่าวหาว่าเป็น แหล่งบ่มเพาะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

บทความนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ เพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เหลือในอีก 73 จังหวัดว่าปอเนาะคืออะไร และอยากชี้ให้เห็นถึง ทัศนคติของรัฐ ตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา ที่มองว่าปอเนาะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติมาโดยตลอด

ปอเนาะเป็นสถาบันการศึกษาด้านศาสนาอิสลาม ที่เก่าแก่ที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จุดกำเนิดของปอเนาะนั้นอยู่ในประเทศอียิปต์ หลังจากนั้น ก็ได้แพร่หลายเข้าสู่คาบสมุทรมลายู และหมู่เกาะมลายู ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"ปอเนาะ" เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า "ปุนดุก" (Pondok) ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ และมีความหมายว่าบ้านหลังเล็กๆ ที่มีลักษณะคล้ายกระท่อมหรือกระต๊อบ

ความหมายดังกล่าวนี้ ได้สะท้อนภาพ และลักษณะของสถาบันการศึกษารูปแบบนี้ ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปอเนาะเป็นโรงเรียน ที่มีลักษณะของการอยู่ประจำหรือโรงเรียนกิน - นอน
จุดเปลี่ยนที่สำคัญของปอเนาะเกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2504 ด้วยความต้องการของทางรัฐบาล ที่อยากจัดระเบียบปอเนาะ โดยที่รัฐบาลต้องการให้ปอเนาะมาจดทะเบียน กับทางราชการ และจัดการเรียนการสอนในวิชาศาสนา วิชาภาษาไทย และวิชาชีพ



เหตุผลสำคัญ ในการจัดระเบียบดังกล่าว คือ

1) ทางราชการเห็นว่าการจัดการเรียนการสอนในปอเนาะ เป็นระบบที่ล้าหลัง

2) ปอเนาะ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง ของชาติ
เหตุผลดังกล่าว ย่อมสะท้อนถึงความไม่เข้าใจ ของรัฐบาลที่มีต่อวิถีชีวิตของชุมชนชาวมุสลิม ที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

อย่างไรก็ตามหากขยายความ คำว่า ความมั่นคงของชาติให้กว้างขึ้นกว่า "อธิปไตย และบูรณภาพ ทางดินแดน" และในพื้นที่ต่างๆของประเทศก็เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเช่นกัน

http://www.pundok.com

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

ศาลอนุมัติหมายจับ 9 พันธมิตรแล้ว!!

ศาลอาญาออก"หมายจับ" 9 แกนนำม็อบ ข้อหา "กบฏ-" ล้มล้างรัฐบาลสะสมกำลังพล-อาวุธ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 9 คน ประกอบด้วย




นายสนธิ ลิ้มทองกุล,

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,

นายสมศักดิ์ โกสัยสุข,

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,

นายพิภพ ธงไชย,

นายสุริยะใส กตะศิลา,

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,

นายอมร อมรรัตนานนท์

และนายเทิดภูมิ ใจดี



ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอออกหมายจับ

1. ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรือ อำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113

2. สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือ สมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114

3. มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 และ 216

ตามที่พนักงานสอบสวนได้นำพยานขึ้นไต่สวน 1 ปาก คือ พ.ต.ท.มานะ ผ่องช่วย พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เบิกความลำดับเหตุการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่มีผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นแกนนำ ตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2551 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไล่เรียงมาจนไปปักหลักชุมนุม ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และสะพานชมัยมรุเชฐ ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล จนมีการฟ้องร้องขอคุ้มครองชั่วคราว โดยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ก่อนจะย้ายกลับมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ จนถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสถานที่ราชการต่างๆ รวมทั้งบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลโดยผู้ชุมนุมประกาศจะไม่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และไม่เสียภาษี ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามที่ขออนุมัติหมายจับกุม พร้อมกับยื่นหลักฐานเป็นวีซีดีบันทึกภาพ และภาพนิ่ง เพื่อให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณา

ก็เหมือนกับว่าถ้าเราอยากมีความสงบสุขเกิดขึ้นในประเทศ เราต้องเจอกับปัญหาความขัดแย้งและปัญหาความไม่สงบสุขก่อน พออิ่มตัวความสงบสุขก็จะย่างกรายเข้ามา แล้วดำเนินต่อไปเหมือนเป็นวัฏจักร


แล้วคุณละคิดว่าสมควรหรือเปล่า

ที่แกนนำม็อบต้องถูกหมายจับ

เพียงเพราะว่าต้องการประเทศของตนเอง

พ้นภัยจากเมืองคอรัปชั่น


มติชนออนไลน์

นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082


โจรปล้นโจร


บ่ายแก่ๆวันอาทิตย์ ชมรมคนรักทักษิณราวร้อยคน แวะเวียนไปหลังตลาดนัดจตุจักร มีคนเล่าให้ฟังว่า มีคนไม่พอใจ มีเรื่องชุลมุนวุ่นกันอยู่พักใหญ่

เรื่องที่ทะเลาะ จะโมเมเหมาเอาว่า ชาวร้าน...ไม่รักทักษิณ หมั่นไส้คนรักทักษิณ ก็คงไม่ได้ เพราะไปยืนออบังหน้าร้าน ทำให้ ขายของไม่ได้

บ้านเมืองที่ไม่มีสงคราม แต่บรรยากาศเหมือนสงคราม การทำมาค้าขายไม่ค่อยดีอยู่แล้ว มีคนมากีดขวาง ก็ต้องเอะอะปึงปังกันออกไปบ้าง

ระดับความรุนแรง...มองจากฟากร้าน ด้านริมถนนกำแพงเพชร เห็นว่ามีการเอาอะไรต่อมิอะไรขว้างปากันเล็กน้อย

แต่มองจากคนที่ไปยืนเป็นไทยมุง ไม่มีอะไร เป็นแค่ ต่อปากต่อคำกัน...เท่านั้นเอง

ผ่านไปบ่ายสามโมงกว่า...ยังเห็นกลุ่มคนรักทักษิณ ส่งเสียงแจ้วๆ อยู่ฟากถนนตรงข้าม จุดนี้ เคราะห์ดีที่อยู่ห่างจากสะพานมัฆวาน สะพานที่มีแต่คนไม่รักทักษิณ

ก็คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น

หลังคุณทักษิณลี้ภัย ทำให้คิดว่าบรรยากาศการเมืองไทยคงผ่อนคลายขึ้น โพลสำนักหนึ่งรายงาน...คนราวร้อยละ 51 ไม่เห็นว่าอะไรจะดีขึ้น คนร้อยละ 21 เห็นว่าแย่ลง...

คนที่ว่าจะดีขึ้น มีกว่าร้อยละ 10 ไม่มาก

คำถาม ดีขึ้นหรือเลวลง...ไม่ได้แยกฝ่ายรักหรือไม่รักทักษิณ สะท้อนจิตใจคนที่ถูกถาม...ว่าคาดหมายอย่างไร...รวมเสียงที่คาดว่าไม่มีอะไรดีขึ้น กับเสียงที่ว่าแย่ลง กว่าร้อยละ 70

แสดงว่าคนส่วนใหญ่ไม่เป็นสุข กับสถานการณ์การเมืองตอนนี้ นัก

ก่อนและหลังวันคุณทักษิณ ประกาศไม่กลับไทย...ปฏิกิริยาจากตลาดหุ้น... หุ้นขึ้นไปมาก...คนไม่รักทักษิณ ก็ได้ดีชี้หน้าบอกว่า เห็นไหม...คนเล่นหุ้นยังดีใจ ที่ทักษิณไปแล้ว

ช่วงนั้นในงานแต่งงานเพื่อน รัฐมนตรีที่มีไมตรีกันด้วยดีท่านหนึ่ง ไม่เข้าใจว่า ทำไม...เมื่อทักษิณไป หุ้นจึงขึ้น สีหน้าแววตาไม่ได้ แกล้งถาม ท่าทีท่าน...ไม่รู้จริงๆ

ชวนคุยถึงหนังเรื่อง ดร.ชิวาโก หนังที่เด็กๆหรือผู้ใหญ่สมัยนี้ ควรไปหาดู ถึงเป็นเรื่องแต่ง แต่เค้าโครงเรื่องอยู่ในบรรยากาศ ที่ ระบอบเก่ารัสเซียกำลังถูกคอมมิวนิสต์ล้มล้าง

ระหว่างที่ทหารฝ่ายรัฐบาลกำลังยิงกันปึงปังกับทหารคอมมิวนิสต์ ประโยคหนึ่งซึ่งหลุดจากปากคหบดีเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่

“เมื่อไหร่ ไอ้โจรสองพวกนี้ จะเลิกรบกัน”

รัฐมนตรีจำได้...บอกว่า นั่นแหละ ความรู้สึกที่ตรงกัน ของคนพวกหนึ่งตอนนี้ ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ใครจะอยู่หรือไป แต่ขอให้เลิกรบกัน จะได้เริ่มทำมาค้าขาย หรือนอนตาหลับ...กันได้เสียที

ความรู้สึกคนกลุ่มนี้ เบื่อหน่ายทั้งฝ่ายรักฝ่ายชัง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มใหญ่

กาลามสูตร พระพุทธเจ้าสอนว่า อย่าเชื่อ ตำรา ฯลฯ อย่าเชื่อ กระทั่งครู จนกว่าจะพิจารณาดูว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ดีหรือร้าย ต่อบ้านเมือง

ถือหลักนี้ ใครที่ประกาศว่ามาด้วยเสียงส่วนใหญ่ ต่อสู้เพื่อประชา�ธิปไตย หรือใครที่ประกาศเป็นอัศวินขี่ม้าขาว ถือดาบมาปราบโจร

ยิ่งนานวัน สถานการณ์อาจพลิกผัน กลายเป็นงาน...โจรปล้น โจร.

กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี ........ ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย "



นางสาวสากียะห์ หะรงค์

5131202082

รัฐบาลใน............



แล้วคุณละคิดอย่างไร ? ? ?

ในฐานะที่เป็นประชาชน คุณคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ปกครองประเทศอย่างไร

คุณเท่านั้นแหละที่สามารถจะกำหนดชะตาของพวกเขาได้

จงใช้สิทธิใช้เสียงอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้บ้านเมืองสงบสุขเสียที

จะได้ไม่ต้องมีรัฐบาลโกงกินประเทศชาติ....................


คือการเมือง หรือเรื่องศาสนา




เสียงระเบิดตูมสนั่นนั้นกึกก้อง

ดังหวีดร้องโอดโอยอย่างโหยหวน

ชายชุดเขียวล้มคว่ำร้องคร่ำครวญ

ชีวิตหวนล่วงดับลับลงดิน

มือฆ่า..คือใคร เราไม่รู้

อยู่ในรู กดรีโมตใจโคตรหิน

ญาติคนที่ ถูกฆ่าน้ำตาริน

ลูกตัวน้อยคอยถวิลเกือบสิ้นใจ

คนฆ่า..ว่าพระเจ้าเฝ้ากำหนด

อ้างศาสนา มาบังบดความสดใส

คนถูกฆ่าเคยแย้มยิ้มมุสลิมไทย

คนฆ่าไซร้ ก็อิสลามในความจริง

ทั้งกรือเซะและตากใบที่ตายเกลื่อน

ล้วนคือเพื่อนพี่น้องพ้องชายหญิง

ลงโทษทัณฑ์มันที่ฆ่าหาความจริง

แต่อย่าทิ้งหลักศาสนาฆ่ากันเลย

คือการเมือง หรือเป็นเรื่องศาสนา

ถึงเข่นฆ่ามาหลายปีหยุดทีเหวย



ศาสนาหาสอนไว้..มิได้เลย

เถอะ..บังเอ๋ย ให้หยุดคิด..อ้างอิสลาม


แล้วคุณละคิดว่าชีวิตเปรียบเสมือนอะไร ? ? ?

http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?http://http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?bNo=29&qNo=377&kword=





การศึกษาเพื่อรับใช้ใคร?




มหาวิทยาลัยนั้น คือ โครงสร้างแห่งการสอนให้ปริญญาในระดับอุดมศึกษา ทำให้นักศึกษาอย่างพวกเรารู้สึกว่าเป็นหัวกะทิของกลุ่มคน และมีโอกาสทำให้นักศึกษามีคุณวุฒิ สำหรับตำแหน่งสูง ๆ ในสังคม นักศึกษาอย่างเราไม่คิดจะทราบว่า เราได้พลาดความรู้ส่วนที่สำคัญที่สุดไป

โลกของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ ซึ่งเป็นวิกฤติทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม และที่สำคัญคือ "วิกฤติทางปัญญา" แนวความคิดของชนรุ่นใหม่ในมหาวิทยาลัยทั่วโลก
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยความเป็นจริง ทฤษฎีทั้งหลายได้ครอบงำไว้หมดแล้ว
ทฤษฎีดอกเบี้ย...ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกิน...ทฤษฎีนายทุนและคอมมิวนิสต์ เปิดการเรียนการสอนในรายวิชาเศรษฐศาสตร์
ทฤษฎีชาร์ล ดาร์วิน เปิดสอนในรายวิชาชีววิทยา
ทฤษฎีสัมพันธภาพ เปิดสอนในรายวิชาฟิสิกส์

นักศึกษาสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทุกคนมีโอกาสได้สัมผัสมัน
ทฤษฎีการค้าเสรี เปิดสอนในรายวิชาองค์การและการจัดการ นักศึกษาสายวิทยาการจัดการ บัญชี บริหาร เศรษฐศาสตร์ มีโอกาสได้รับแนวคิดของมัน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวที่ผ่านมา จึงเกิดคำถามที่ชวนคิดขึ้นมาว่า "เราเรียนไป เพื่อรับใช้ใคร"
จะมีประโยชน์อะไร...ถ้าเรายังอ่อนแอเกินกว่าที่จะควบคุมอารมณ์ใฝ่ต่ำของเรา กับเรื่องไร้สาระ แต่...ไม่เคยแม้แต่น้ำตาสักหยดเดียว..ถึงเวลาแล้ว...ที่เราต้องกลับมาบริหารและจัดการโลกอีกครั้งหนึ่ง และพวกเราทุกคนจะต้องตั้งความหวังเอาไว้ว่า "เรานี่แหละ....คือ...ความหวังของมนุษยชาติ"




การ์ตูนจ้าๆๆๆๆๆๆๆ




แล้วคุณละคิดอย่างไรกับรูปนี้

คิดเถอะนะประเทศชาติจะได้เจริญ

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

http://www.matichon.co.th/khaosod/daily.



เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้




เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้

เมื่อทรงพระเยาว์ 1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น. 2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์ 3.พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช 5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก 6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"หมายเลขประจำตัว 449 7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า "แม่" 8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง 9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม 10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้" 12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ 13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว 14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ 15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก "การให้" โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า "กระป๋องคนจน" เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก "เก็บภาษี" หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน 16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า "ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน" 17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา 18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง พระอัจฉริยภาพ 19.พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก "การเล่น" สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐาน ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง 20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน) 22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้ 23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส 24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ "แสงเทียน" จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง 25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง "เราสู้" 26.รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5 27. - - - - 28.นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย 29.ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "นายอินทร์" และ "ติโต" ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ "พระมหาชนก" ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ 30.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์") ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระเกษมสำราญ มีพระพลานมัยแข็งแรงสมบูรณ์ มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตลอดกาลนานเทอญ. ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ... ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...


เผื่อคุณคิดถึงทักษิณ











คงหายคิดถึงทักษิณกันแล้วนะ

เด๋วทักษิณมาใหม่เน้อ

อย่าลืมดูหนังกันเน้อ



กลอนด่าเขมร - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อปี 2502


เมื่อพูดถึงคดีเขาพระวิหาร ใครหลายๆคนคงยังจำกันได้ดีว่า เป็นคดีที่คนไทยทั้งประเทศต้องน้ำตาตกในขนาดไหน เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ก่อนศาลโลกจะตัดสิน ๒ ปีเศษ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้แต่งกลอนด่าเขมรไว้ ว่าเขมรเป็นโคตรเนรคุณ...

"สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่
ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน
ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน
กะลาครอบมานานโบราณว่า
พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน
ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป
อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม
เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย
ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด
เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู
ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร
แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ
เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี
ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน
หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต
เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น?
ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน
องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?
เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง
ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา
สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง
ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว
จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง
เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง
ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์
ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา
เพราะทรงพระกรุณาประทานไป
มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ
ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้
สมกับคำโบราณท่านว่าไว้
อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย...




ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
ปราโมช
หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๒