"พล.อ.ปฐมพงศ์" ไม่ใช่หมูการเมือง แต่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน...???

ว่าจะไม่เขียนถึงอยู่แล้ว สำหรับกรณี พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศุกร์ ประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แห่งถนนราชดำเนิน ในชุดเครื่องแบบทหาร และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทำนองทนไม่ได้กรณี"ปราสาทพระวิหาร"

พล.อ.ปฐมพงษ์ บอกว่า ทนไม่ได้ใน 2 เรื่อง คือเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำให้เสียเอกราชและดินแดน ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ข้อมูลกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าจะทำอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือทำให้เสียดินแดน...

ที่บอกว่าไม่อยากเขียนถึงไม่ใช่ไม่รู้จักกับ พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็รู้จักกันอยู่ และได้เคยพูดคุยด้วยมาก็หลายครั้งแล้ว แต่ที่ไม่อยากเขียนถึงกลัวว่า จะเป็นการขยายผลในประเด็นที่ไม่ควรเป็นประเด็น

รู้อยู่ตั้งแต่ต้นแล้วว่า การออกมาของ พล.อ.ปฐมพงศ์นั้น ไม่ธรรมดาแน่ๆ และน่าจะเป็นการ "ส่งสัญญาณ" อะไรบางอย่างออกมาของทหาร จึงส่ง "หัวหมู่ทะลวงฟัน" ออกมาสู้ ทำนอง "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" และไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯถึงสองครั้งสองคราแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ไปเดินด่อมๆมองๆอยู่ข้างๆเวทีหลายครั้งแล้ว

เป็นไปตามคาด และ พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็รู้ว่าการออกมาจากกองทัพไทย แล้วขึ้นเวทีพันธมิตรฯนั้นจะเกิดอะไรขึ้น

"สอบสวนทางวินัย"

นายกฯสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้ตรวจสอบกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ ใส่เครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก่อนที่จะพิจารณาใช้กฏหมายอาญาทหารจัดการอย่างเด็ดขาด

แต่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองทัพไทย กลับออกมาบอกว่า พล.อ.ปฐมพงศ์ ไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศ เพียงใส่ชุดทหารธรรมดา และการไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯก็ถือเป็นสิทธิ์ และเสรีภาพในการแสดงออก แต่ควรเอาเวลานอกราชการ และไม่ควรใส่เครื่องแบบ

เพราะเครื่องแบบ เป็นเรื่องของ "สัญญาลักษณ์สถาบันทหาร"

พล.อ.บุญสร้าง บอกว่า การลงโทษนายทหารระดับ "จอมพล" นั้น ทำได้แค่ "ตักเตือน" จะโยก จะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ทำไม่ได้ และได้มอบหมายให้รองผู้บัญชาการกองทัพไทย ไป "ตักเตือน"แล้ว แต่เรื่องสอบสวนทางวินัยที่เหนือกว่า เป็นเรื่องของกลาโหม ซึ่งนายกฯสมัคร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว

แต่หมูไม่กลัวน้ำร้อนอย่าง พล.อ.ปฐมพงศ์ ยืนยันว่าจะขึ้นเวทีพันธมิตรฯอีกแน่นอน

วีระ มุสิกะพงศ์ แห่งพีทีวี กล่าวในรายการ เพื่อนพ้องน้องพี่" ของเขาว่า พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็แค่ลูกระจ๊อกเท่านั้นเอง


แต่จริงๆแล้ว พล.อ.ปฐมพงศ์ ไม่ใช่ลูกระจ๊อกอย่างที่วีระวิพากษ์หรอก เพราะเขาเคยเป็นนายทหารติดตาม พล.ท.หาญ ลีนานนท์ สมัยเป็นแม่ทัพภาค 4 และเคยไปร่วมบรรยายที่ ม.ธรรมศาสตร์ แทน พล.อ.หาญ จนเป็นที่ฮือฮามาครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่สมัยยังครองยศ "พันโท"

พล.อ.หาญ ลีนานนท์ เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดแจ้งให้ ด้วยการไปสู่ขอคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ให้กับ พล.อ.ปฐมพงศ์ และแต่งงานอยู่กินกันมายาวนานน่าจะมากกว่า 20 ปีแล้ว เพียงแต่ไม่มีลูกเท่านั้นเอง

แท้ที่จริงแล้ว ถ้า พล.อ.ปฐมพงศ์ ไม่ผูกโยงกับการเมือง ทั้งในแง่ของนายทหารคนสนิท พล.อ.หาญ ลีนานนท์ ที่ตอนหลังก้าวเข้ามาเล่นการเมืองในนามประชาธิปัตย์ และยังมีภรรยาเป็นนักการเมืองแห่งค่ายเดียวกับ พล.อ.หาญ จึงทำให้ พล.อ.ปฐมพงศ์ ในบางช่วงบางตอนของชีวิตจึงสะงักไปบ้าง แต่ก็ยังได้อยู่ในกองทัพบกติดระดับ 5 เสือมาแล้ว ก่อนจะถูกโยกไปอยู่ บก.สูงสุด หรือกองบัญชาการกองทัพไทยในปัจจุบัน

เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนครึ่ง พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็จะเกษียนอายุราชการแล้วครับ


โดย นายหัวไทร

ไม่มีความคิดเห็น: