อยากรู้เปิดอ่านดูสิ...แล้วจะรู้ซึ้ง

เมื่อวงจรเดิมๆวนเวียนมาถึง ...

... ในวันที่หนัก ...

ในวันที่หนา ...



ในวันที่ลายตา





มองไปทางไหนก็ลายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยไปหมด

...

....

.....

ที่พักเหนื่อยสำหรับบางคน

อาจจะเป็น ...

..

.

มุมสงบๆนิ่งๆซักที


ที่พักเหนื่อยและยามที่เราท้อที่สุดที่นี้ จะเป็นที่ที่ทำให้รู้สึกต่ำต้อย

และเล็กที่สุดภายใต้ความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า



เดี๋ยวเจอกันหลังสอบเน้อ ตั้งใจอ่านหนังสือทุกคนๆๆๆๆๆๆ




คิดยังไงกับ 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชน



หลังจากที่รัฐบาลออก 6 มาตรการรัฐบาลช่วยเหลือประชาชน

ซึ่งประกอบด้วย


1. ลดอัตราภาษีน้ำมัน เพื่อให้ประชาชนใช้น้ำมันราคาถูกลงและรัฐจะยอมแบกภาษีไว้ 6 เดือนเพื่อรองรับเมกะโปรเจ็คต์เกิดขึ้น


2.ชะลอการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแอลพีจี ในครัวเรือน เพื่อรักษาสภาพครัวเรือน


3.ลดค่าใช้จ่ายในการใช้น้ำประปา สำหรับผู้ที่ใช้ไม่เกิน 50 คิวต่อหนึ่งเดือน


4.จ่ายค่าไฟฟ้าถ้าใช้ไม่เกิน 80 ยูนิต แต่หากใช้ 81-150 ยูนิต รัฐบาลจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง


5.ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง โดยจัดรถเมล์ร้อนขึ้นฟรี 800 คันโดยจะมีรถออกวิ่งรถคันที่เก็บเงินกับไม่เก็บเงินวิ่งคันเว้นคัน


6.รถไฟชั้น 3 ไม่ปรับอากาศไม่เสียเงินทั่วประเทศ


แล้วคุณละคิดอย่างไรกับมาตรการนี้

................

......

..


http://talk.mthai.com




พันธมิตรดับ 1 หลังปะทะเดือดกลุ่มต้านที่อุดรฯ


พันธมิตรดับ 1 หลังปะทะเดือดกลุ่มต้านที่อุดรฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 24 ก.ค. เกิดเหตุปะทะกันของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เตรียมเปิดเวทีปราศรัย ภายในหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งมีการรวมตัวกันอยู่ราว 150 คน ส่วนชมรมคนรักอุดร นัดหมายรวมตัวที่สนามทุ่งศรีเมือง ด้านหน้าศาลากลาง จ.อุดรธานี กว่า 700 คน

ก่อนหน้านี้ชมรมคนรักอุดร 200 คน รวมตัวเดินทางไปที่เวทีพันธมิตรฯ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร 200 นาย ตำรวจตระเวณชายแดน 150 นาย กำลังเจ้าหน้าที่ อส. 200 นาย และ อพปร. คอยดูแลไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า จึงทำได้เพียงใช้หนังสติ๊กยิงเข้าไป แต่ลูกหินที่ยิงเข้าไปไม่ถึงกลุ่มพันธมิตร ถึงเพียงกลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องล่าถอยกลับไป

ในเวลาต่อมา “ชมรมคนรักอุดร” โดยการนำของนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ ใช้รถกระบะติดเครื่องขยายเสียง นำขบวนสมาชิกทั้งหมดว่า เดินเท้าออกจากเวทีสนามทุ่งศรีเมือง มุ่งหน้าไปยังเวทีของกลุ่มพันธมิตร ตามถนนมุ่งหน้าไปที่ หนองประจักษ์ฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นจราจร และมีกำลัง ตชด. 150 นาย และ อส. 100 นาย ปิดกั้นถนนศุภกิจจรรยา ไม่ให้เข้าไปในหนองประจักษ์ฯ

เมื่อชมรมคนรักอุดรมาถึงที่แนวรับของ เจ้าหน้าที่ ปราฏกว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชมรมคนรักอุดรได้ใช้กำลังผู้ ชุมนุมฝ่าแนวรับ จากการปลุกเร้าผ่านเครื่องขยายเสียง ของนายอุทัยตลอดเวลา โดยใช้เวลา เพียง 5 นาทีแนวรับด้าน อส. จำนวน 100 นาย ที่อยู่บนคันดินหนองประจักษ์ฯ

ก็แตกออกก่อนที่กลุ่มชมรมคนรักอุดรทั้งหมด ซึ่งถืออาวุธเป็นไม้ยูคาลิปตัส ขนาดเท่าท่อนแขน ธงชาติไทยติดด้าม เคียงติดด้าม และท่อนเหล็ก จะกรูกันเข้าไปพังประตูเข้าไปยังเวทีพันธมิตรอย่างบ้าครั่ง โดยไม่รีรอกลุ่มชมรมคนรักอุดร ได้บุกเข้าไปทำร้ายแนวรับของกลุ่มพันธมิตร เหมือนกันคนที่โกรธแค้นมานาน

การปะทะกันดังกล่าวทำให้กลุ่ม พันธมิตรแตกกระเจิงหนีตายไปออกไปด้านสะพาน หลังจวนผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ส่วนที่หนีไปไม่ได้เมื่อถูกตีล้มลง ก็ยังถูกรุมตีซ้ำด้วยไม้อย่างไม่ยั้งมือ

งานนี้ตำรวจทำได้แต่เพียงยืนมองเท่า นั้นแต่ไม่สามารถจับกุมใครได้ ยังดีที่ได้เรียกรถพยาบาลมารับคนเจ็บไปรักษาเท่านั้น แต่กลุ่มชมรมคนรักอุดรยังได้เข้าไปทุบกระจกรถฉุกเฉินจนแตก จากนั้นก็มีการรื้อเวที , เต้นท์ ข้าวของต่างๆ โดยเอาเสื้อและป้ายมาเผา จนพอใจจึงสลายตัวไป

ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี พบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บครั้งนี้มีได้กันทั้งหมด 13 คน ถูกส่งตัวมารับการรักษา คือ 1.นายแก้ว จันทิชู อายุ 59 ปี อพปร.หนองไฮ , 2.นายชนะศักดิ์ ผ่องเทิดทิ่ง อายุ 54 ปี 3, นายจวง ขาเกตุศรี อายุ 46 ปี 4, นางธนัยนันต์ จรัสกีล้วน อายุ 30 ปี 5 , นายสมพร รักดาดาษ อายุ 23 ปี

6, ด.ต.เฉลิมวุธ ประวิเศษ อายุ 61 ปี 7, น.ส.สุจิรา มีชั้นช่วง อายุ 43 ปี 8, นายรัตนชัย ทองสุก อายุ 22 ปี 9, นายรังษี ศุภชัยสาคร อายุ 61 ปี 10, นายพงษ์เทพ แก้วใส อายุ 25 ปี 11, นายโกวิท เรี่ยวแรงไกสร อายุ 63 ปี 12, นายพาเลิศ อินบัวสี อายุ 52 ปี และ นายเสรี เป็นสุข อายุ 49 ปี ล่าสุดทราบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปแล้ว 1 คน

นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าได้รับรายงายแล้วว่ามีการปะทะกันของทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งจะเรียกดูวิดีโอเทปของผู้สื่อข่าว และเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเก็บภาพ จึงจะสามารถสรุปได้ว่า กลุ่มใดเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ จากนั้นจึงจะดำเนินการต่อไป

บทกวี:สร้างชาติ

ลองอ่านกันดูนะค่ะ...ช่วยให้ความเห็นด้วยนะค่ะ
......บทกวีสร้าง ชาติ......



พระมหากษัตริย์คือแบบอย่างการสร้างชาติ
เติมที่ขาด ต่อที่ดี ยกที่ต่ำ
ที่เกินไปให้ตัดออกบอกประจำ
ทรงเตือนย้ำ "หลักพอเพียง"หล่อเลี้ยงไทย

หากหลงทางสร้างเสรีที่ผิดผิด
ปล่อยชีวิตลู่ตามความหลงใหล
เดินผิดทางอ้างประชาธิปไตย
ย่อมก่อภัยภิบัติมาฆ่ากัน


ที่นี่คือ "แผ่นดินไทย"ใครก็รู้
ไทยต้องอยู่อย่างไทยให้คงมั่น
อยู่ด้วยชาติ ศาสนา องค์ราชันย์
สถาบันต้องผดุงให้รุ่งเรือง
สร้างประชาธิปไตยแบบไทยแท้
โดยดูแลความเป็นไทยให้ต่อเนื่อง
ธรรมนูญแห่งรัฐไม่ขัดเคือง
นักการเมืองทั้งผองต้องฟื้นฟู

ไม่ทอดทิ้งประชาชนให้ทนทุกข์
ต้องปลอบปลุกประโลมใจให้ต่อสู้
ปล่อยปละละเลยนิ่งเฉยดู
ต้องยืนอยู่เคียงข้างสร้างมวลชน

ที่ใดทุกข์จงบุกไปขับไล่ทุกข์
ที่ใดสุขจงต่อเติมเพิ่มพูนผล
พร้อมช่วยเหลือเอื้ออำนวยช่วยทุกคน
โดยไม่บ่น ไม่ท้อ ไม่งอมือ


นักการเมืองทุกระดับโปรดรับรู้

จงอุ้มชูประเทศชาติประกาศชื่อ

สร้างประชาธิปไตยให้โลกลือ

"หัวใจคือประชาชน" ใช่ตนเอง !




บทกวีสร้างชาติ : ช้างมหาชน หนังสือพิมพ์สร้างชาติ






นายกสมัคร

นายกฯฉะพันธมิตรแถลงเหมือน'คนบ้า' จ้องให้เกิดปฏิวัติ


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ยังขอตำหนิกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่คอยส่งคนไปโห่ฮารัฐมนตรี โดยพันธมิตรฯ จะส่งคนไปทั่วประเทศเพื่อทำการยึดศาลากลาง โดยมีจุดประสงค์ให้ทหารออกมาปฏิวัติ และยังขึ้นเวทีพูดปลุกระดมและออกแถลงการณ์เหมือนคนบ้า โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่สื่อมวลชนกลับไม่ตำหนิพฤติกรรมดังกล่าว แต่มาตำหนิรัฐบาล จึงเห็นว่าเป็นเรื่องน่าอนาจใจ





การ์ตูน


วันนี้ว่างมาดูการ์ตูนกันเน้อ ต้อนรับวันเข้าพรรษา







http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=60350&NewsType=2&Template=1

เขาพระวิหาร


'ชวน'เตือนทุกฝ่ายให้ใจเย็น
แก้ปัญหาเขาพระวิหาร
[18 ก.ค. 51 - 14:01]



นายชวน หลีกภัย
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าววันนี้ (18 ก.ค.)


ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ว่า ทุกฝ่ายควรใจเย็นและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่มีปัญหา คือ การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ที่เป็นผลพวงจากการสนับสนุนของรัฐบาลไทย



ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมีข้อดี คือ ทำให้เกิดความสนใจปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลไทยเคยลงนามบันทึกช่วยจำกับกัมพูชา เรื่องพื้นที่ทับซ้อนเมื่อปี 2543 ดังนั้น ทั้ง 2 ประเทศ ต้องปฏิบัติตามบันทึกช่วยจำดังกล่าว โดยเฉพาะการกำหนดข้อปฏิบัติว่า ทั้ง 2 ประเทศ จะไม่เข้าไปดำเนินการอะไรในพื้นที่ทับซ้อน จึงควรรอฟังการประชุมร่วม 2 ประเทศ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องชี้แจง โดยรัฐบาลต้องไม่มีอคติ

แต่ต้องฟังเหตุผล เพื่อทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น พูดกันดีๆ ดีกว่า

ถ้าเห็นว่าเป็นปัญหาก็พูดจากัน” นายชวน กล่าว













فطاني مرديكا

ปริศนายุติไฟใต้ของจริงหรือลวง?


ดูเหมือนว่านับแต่เกิดความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ 4 มกราคม 2547 เป็นต้นมา รัฐบาลยังคลำเป้าไม่ถูกว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวการใหญ่ป่วนใต้

ถึงขั้นกล่าวหาว่าเป็นผลงาน "โจรกระจอก" ด้วยซ้ำไป

จากนั้นมาคนของรัฐพุ่งเป้าและให้น้ำหนักไปที่ "ขบวนการเบอร์ซาตู" ซึ่งมีเครือข่าย 7 กลุ่มใหญ่ โดยมี ดร.วันการ์เด เจ๊ะมาน เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อน

ถึงขั้นมีข่าวโยนหินถามทางออกมาหลายระลอกว่า จะมีการเปิดเจรจาลักษณะ "Peace Talk" เพื่อนำไปสู่การทำแผนสันติภาพ และพัฒนาสันติภาพร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

สุดท้ายสันติภาพเป็นได้เพียงแค่ลมปาก เมื่อฝ่ายรัฐประเมินว่า ขบวนการเหล่านี้ไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริงแต่อย่างใด

ความพยายามจากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ที่จะนำไปสู่ปลายอุโมงแห่งสันติภาพได้

กระทั่ง จู่ๆ ก็มีการเปิดตัวของผู้อ้างตัวว่าเป็น "กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย"

โดยมีการประกาศยุติความรุนแรงผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในเที่ยงวันที่ 17 กรกฎาคม จนกลายเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อย

ประหลาดใจตรงที่อยู่ๆ กลุ่มดังกล่าวก็ยอมบอกเลิกศาลาเอาดื้อๆ ชนิดไร้เงื่อนไขอีกต่างหาก

เรื่องนี้ในสายตา "กูเป็ง" หรือ พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม อดีตรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 และประธานมูลนิธิวัฒนธรรมอิสลามภาคใต้ ฟันธงทันทีว่า ผู้ประกาศถ้อยแถลงยุติความรุนแรงครั้งนี้คือ "หะยีสะมะแอ มะรือโบ" หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธกลุ่มพูโล

" การแสดงจุดยืนของกล่มพูโลครั้งนี้ อาจยังไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ดีกรีความรุนแรง ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้สงบลงอย่างเฉียบพลัน เพราะยังไม่มีคำยืนยันของกลุ่มหัวแข็งที่สุดในพื้นที่อย่าง "บีอาร์เอ็น โคออดิเนต" ว่าจะเอาด้วยหรือไม่อย่างไรกับ "กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย" พล.ต.จำรูญ วิเคราะห์

ที่สำคัญวันนี้กลุ่มบีอาร์เอ็นได้แตกเซลล์ขยายเครือข่าย ชุดปฏิบัติการกระจายอยู่ทั่วพื้นที่หลายจุดสามจังหวัด เป็นกลุ่มปฏิบัติการทางทหารในระดับหมู่บ้าน และกลุ่มนักรบหลัก (คอมมานโด) ที่ดูแลระดับเขตอำเภอ และที่สำคัญนักรบ "รุ่นใหม่" เหล่านี้ เลือกใช้วิธีรุนแรงและเดินสวนทางแนวคิดกลุ่มเก่า รวมไปถึงกลุ่มนักสู้เพื่อเอกราชปาตานี ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเครือข่ายของขบวนการบีอาร์เอ็น-โคออร์ดิเนต

ทว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะการประกาศของแกนนำกลุ่มพูโลในนามกลุ่มใต้ดินนั้น จะสามารถควบคุมขบวนการที่แต่หน่อแตกกอมากมายในปัจจุบันได้หรือไม่

ในมุมของอดีตนายตำรวจรายนี้ชี้ว่า เวลาและสถานการณ์เท่านั้น จะเป็นเครื่องตัดสินว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาค 4 มองว่าถือเป็นเรื่องที่ด ีในแง่การคลี่คลายสถานการณ์ภาคใต้ตามแนวทางสันติวิธี แต่ประเด็นที่น่าสงสัยคือ มีใครบ้างที่ร่วมลงมติเดียวกับ "กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย"

ที่สำคัญการออกมาแสดงตัว และประกาศยุติความรุนแรงผ่านคนกลางหรือตัวเชื่อมอย่าง "พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร" หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา แม้จะเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก แต่ปัจจุบันมีภาพ "นักการเมือง" อย่างชัดเจน

"หน้าที่นี้ต้องผ่านกองทัพบกมากกว่าเพราะเรื่องนี้ ผบ.ทบ.เป็นผู้ดูแลโดยตรง อีกทั้งการใช้ช่องทางสื่อโดยผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งมีเครือข่ายระบบโกลบอลเน็ตเวิร์กทั่วโลก ทำให้วันนี้เรายกระดับกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทยไปโดยปริยาย"

อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำว่า ในสถานการณ์ขณะนี้จะต้องเฝ้าและรอดูกลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่ ทั้งแนวร่วมปลดแอกแห่งชาติปัตตานี ขบวนการปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี บีอาร์เอ็นโคออดิเนต รวมถึงกลุ่มเบอร์ซาตู ว่าจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไร เพราะคำประกาศยุติความรุนแรง อาจจะเป็นการเติมเชื้อให้อีกกลุ่มเร่งเร้าความรุนแรง หรือคิดวางอาวุธก็ได้

"แต่สิ่งหนึ่งที่สังคมไทยได้รับรู้ผ่านคำประกาศคือ และสามารถสรุปได้นั่นคือปัญหาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ คือเรื่องการแบ่งแยกดินแดนซึ่งเขาคิดทำมานานเกือบร้อยปีแล้ว และเชื่อหรือไม่ว่าเขาจะเลิกคิด" พล.อ.กิตติ ตั้งข้อสังเกตที่มีแต่ความมีเคลือบแคลง

ณ วันนี้ คำตอบสุดท้ายที่จะเดินไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ภาคใต้ได้ก็คือ การเอาชนะความคิดขบวนการทุกกลุ่มที่มีอยู่ให้ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงรัฐไม่จำเป็นต้องตามหาตัวตนว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง

สงครามไม่ช่วยให้ใครมีสุขหรอก


ท่านอยากอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้หรอ



หรือว่าอยากเป็นแบบรูปนี้


หรือว่ารูปนี้



หรือว่าอยากเห็นภาพแบบนี้



แล้วสิ่งนี้เหรอที่ต้องการ


ให้อยู่ในโลกใบนี้


แล้วท่านละคิดอย่างไรกันแน่ ?????


"พล.อ.ปฐมพงศ์" ไม่ใช่หมูการเมือง แต่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน...???

ว่าจะไม่เขียนถึงอยู่แล้ว สำหรับกรณี พล.อ.ปฐมพงศ์ เกษรศุกร์ ประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แห่งถนนราชดำเนิน ในชุดเครื่องแบบทหาร และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทำนองทนไม่ได้กรณี"ปราสาทพระวิหาร"

พล.อ.ปฐมพงษ์ บอกว่า ทนไม่ได้ใน 2 เรื่อง คือเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำให้เสียเอกราชและดินแดน ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ข้อมูลกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าจะทำอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือทำให้เสียดินแดน...

ที่บอกว่าไม่อยากเขียนถึงไม่ใช่ไม่รู้จักกับ พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็รู้จักกันอยู่ และได้เคยพูดคุยด้วยมาก็หลายครั้งแล้ว แต่ที่ไม่อยากเขียนถึงกลัวว่า จะเป็นการขยายผลในประเด็นที่ไม่ควรเป็นประเด็น

รู้อยู่ตั้งแต่ต้นแล้วว่า การออกมาของ พล.อ.ปฐมพงศ์นั้น ไม่ธรรมดาแน่ๆ และน่าจะเป็นการ "ส่งสัญญาณ" อะไรบางอย่างออกมาของทหาร จึงส่ง "หัวหมู่ทะลวงฟัน" ออกมาสู้ ทำนอง "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" และไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯถึงสองครั้งสองคราแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ไปเดินด่อมๆมองๆอยู่ข้างๆเวทีหลายครั้งแล้ว

เป็นไปตามคาด และ พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็รู้ว่าการออกมาจากกองทัพไทย แล้วขึ้นเวทีพันธมิตรฯนั้นจะเกิดอะไรขึ้น

"สอบสวนทางวินัย"

นายกฯสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้ตรวจสอบกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ ใส่เครื่องแบบทหารขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ก่อนที่จะพิจารณาใช้กฏหมายอาญาทหารจัดการอย่างเด็ดขาด

แต่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองทัพไทย กลับออกมาบอกว่า พล.อ.ปฐมพงศ์ ไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบเต็มยศ เพียงใส่ชุดทหารธรรมดา และการไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯก็ถือเป็นสิทธิ์ และเสรีภาพในการแสดงออก แต่ควรเอาเวลานอกราชการ และไม่ควรใส่เครื่องแบบ

เพราะเครื่องแบบ เป็นเรื่องของ "สัญญาลักษณ์สถาบันทหาร"

พล.อ.บุญสร้าง บอกว่า การลงโทษนายทหารระดับ "จอมพล" นั้น ทำได้แค่ "ตักเตือน" จะโยก จะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ทำไม่ได้ และได้มอบหมายให้รองผู้บัญชาการกองทัพไทย ไป "ตักเตือน"แล้ว แต่เรื่องสอบสวนทางวินัยที่เหนือกว่า เป็นเรื่องของกลาโหม ซึ่งนายกฯสมัคร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว

แต่หมูไม่กลัวน้ำร้อนอย่าง พล.อ.ปฐมพงศ์ ยืนยันว่าจะขึ้นเวทีพันธมิตรฯอีกแน่นอน

วีระ มุสิกะพงศ์ แห่งพีทีวี กล่าวในรายการ เพื่อนพ้องน้องพี่" ของเขาว่า พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็แค่ลูกระจ๊อกเท่านั้นเอง


แต่จริงๆแล้ว พล.อ.ปฐมพงศ์ ไม่ใช่ลูกระจ๊อกอย่างที่วีระวิพากษ์หรอก เพราะเขาเคยเป็นนายทหารติดตาม พล.ท.หาญ ลีนานนท์ สมัยเป็นแม่ทัพภาค 4 และเคยไปร่วมบรรยายที่ ม.ธรรมศาสตร์ แทน พล.อ.หาญ จนเป็นที่ฮือฮามาครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่สมัยยังครองยศ "พันโท"

พล.อ.หาญ ลีนานนท์ เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดแจ้งให้ ด้วยการไปสู่ขอคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ให้กับ พล.อ.ปฐมพงศ์ และแต่งงานอยู่กินกันมายาวนานน่าจะมากกว่า 20 ปีแล้ว เพียงแต่ไม่มีลูกเท่านั้นเอง

แท้ที่จริงแล้ว ถ้า พล.อ.ปฐมพงศ์ ไม่ผูกโยงกับการเมือง ทั้งในแง่ของนายทหารคนสนิท พล.อ.หาญ ลีนานนท์ ที่ตอนหลังก้าวเข้ามาเล่นการเมืองในนามประชาธิปัตย์ และยังมีภรรยาเป็นนักการเมืองแห่งค่ายเดียวกับ พล.อ.หาญ จึงทำให้ พล.อ.ปฐมพงศ์ ในบางช่วงบางตอนของชีวิตจึงสะงักไปบ้าง แต่ก็ยังได้อยู่ในกองทัพบกติดระดับ 5 เสือมาแล้ว ก่อนจะถูกโยกไปอยู่ บก.สูงสุด หรือกองบัญชาการกองทัพไทยในปัจจุบัน

เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนครึ่ง พล.อ.ปฐมพงศ์ ก็จะเกษียนอายุราชการแล้วครับ


โดย นายหัวไทร

ความก้าวหน้าของพันธมิตรฯ

ความก้าวหน้าของพันธมิตรฯ “ชัยชนะ” ของการเมืองภาคประชาชน

นับแต่วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมประชาชนได้ร่วมกันชุมนุมใหญ่ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเคลื่อนขบวนมาปักหลักพักค้างที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ก่อนจะบรรลุเป้าหมายเคลื่อนย้ายมวลชนนับแสนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล จนถึงวันนี้นับเป็นเวลายาวนานกว่า 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมา การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เกิดพัฒนาการ และ ผลสำเร็จอันส่งผลดีต่อประเทศชาติดังนี้

1. ชุมนุมครั้งแรกวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 เคลื่อนตัวจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาอยู่ที่สะพานมัฆวาน ถนนราชดำเนินนอกสำเร็จ

2. เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ตำรวจจึงได้ชี้ขาด จักรภพ เพ็ญแข ว่าหมิ่นเบื้องสูง และทำให้ จักรภพ เพ็ญแข ต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเปิดแถลงข่าวในวันที่ 30 พ.ค. 2551 และมีการลาออกมีผลวันที่ 9 มิถุนายน 2551

3. รัฐบาลประกาศว่าได้ต่อรองโรงกลั่น 4 แห่ง ให้ลดค่าการกลั่นลง 3 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 6 เดือน โดยจะช่วยเหลือในปริมาณน้ำมันดีเซลในราคาส่วนลด 122 ล้านลิตร/เดือน

4. สมาชิกวุฒิสภาถอนรายชื่อออกจากญัตติการล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกความผิดของคนในระบอบทักษิณ จนมีจำนวนเสียงไม่เพียงพอและทำให้ญัตติต้องล้มไป หลังจากที่พันธมิตรฯยื่นรายชื่อกว่า 3 หมื่นคน ถอดถอนนักการเมืองที่เข้าชื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพราะมีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทั้งยังส่งผลให้ชาติประหยัดเงินภาษีอากรของประชาชนได้อีกกว่า 2,400 ล้านบาท

5. สมัคร สุนทรเวช ต้องกลับลำหลังจากประกาศที่จะแตกหักกับพันธมิตรฯ เพราะมีประชาชนจำนวนมหาศาลนับแสนคน ทั่วทุกสารทิศมาร่วมชุมนุมร่วมกับพันธมิตรฯ หลังจากการประกาศกร้าวของนายกรัฐมนตรี

6. รัฐบาลยกเลิกข้าวธงฟ้า รับจำนำข้าวปลือกตันละ 14,000 บาท หลังจากพันธมิตรฯได้อภิปรายเปิดโปงความล้มเหลวของรัฐบาล ในการจัดการปัญหาราคาข้าว

7. หลังจากที่ไม่สามารถล้มล้างรัฐธรรมนูญได้ เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทนายทักษิณ ได้นำเงิน 2 ล้านบาทใส่ถุงขนมมาให้เจ้าหน้าที่ในศาลฎีกา จนเป็นเหตุทำให้ศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกทีมทนายของทักษิณ 3 คนเป็นเวลา 6 เดือนในเวลาต่อมาโดยไม่รอลงอาญา โดยระบุว่าต้องการทำให้เกิดการชักจูงต่อกรณีที่ คตส. ได้ฟ้องในคดีการซื้อที่ดินรัชดาของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร

8. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ล้มเหลวและต้องถอยในการสั่งปิดทีวีเคเบิลทีวี
หลังประชาชนได้ลุกฮือต่อสู้กับคำสั่งที่ไม่ชอบทั่วประเทศ

9. หลังจากที่ไม่สามารถล้มล้างรัฐธรรมนูญได้ เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ปลอมแปลงเอกสาร และยื่นเอกสารเท็จต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งในคดีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช พันธมิตรฯจึงได้เปิดโปง และกดดันด้วยการเคลื่อนผู้ชุมนุมแบบดาวกระจายไปหน้า กกต. เป็นผลทำให้กกต.ต้องยอมจำนนและตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ กกต. ที่กระทำการดังกล่าว

10. เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทำให้นพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องยอมเปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี และแผนที่ที่ได้ไปลงนามแถลงการณ์ยกปราสาทพระวิหาร และพื้นที่เขาพระวิหารร่วมกับกัมพูชาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หลังจากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯได้ยื่นต่อศาลปกครองกลาง เป็นผลทำให้ศาลปกครองได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนำมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไปใช้ในการลงนาม กับประเทศกัมพูชาได้เป็นผลสำเร็จ

11. พันธมิตรฯ เคลื่อนพลหลายแสนคนมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ โดยไม่ได้มีการทำลายทรัพย์สินทางราชการหรือความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น

12. ภายหลังจากที่พันธมิตรฯเคลื่อนพลหลายแสนมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร ได้กลับลำยอมให้วุฒิสภาอภิปรายทั่วไป และยอมให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี

13. ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้กับคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป หลังจากที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการปลดและเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยา และขัดขวางการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นไปตามที่พันธมิตรฯได้กล่าวหามาก่อนหน้านี้

14. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ต้องประกาศเลื่อนการจัดงานมหาสังฆทาน รวมพลังไทยเพื่อพ่อของแผ่นดิน ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 ออกไปโดยไม่มีกำหนด พร้อมกับยอมรับว่า สาเหตุหนึ่งมาจากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำเรื่องดังกล่าวไปโจมตีบนเวที เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย มาเป็นประธานจัดงาน โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย

15. ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 เสียงว่า ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ที่ตั้ง คตส.ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

16. วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2551 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาด้วยมติ 9:0 ว่าแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบให้มรดกโลกนั้นเป็นหนังสือสนธิสัญญา และมีมติ 8:1 ว่าแถลงการณ์ดังกล่าวที่ไม่ผ่านความเห็นชอบต่อรัฐสภานั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งเป็นไปตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ต่อสู้เอาไว้ก่อนหน้านี้

17. วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้พิพากษาให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช และเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เป็นบทพิสูจน์ว่า การเรียกร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ระบุว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 เป็นการเลือกตั้งที่สกปรกและทุจริต นั้นเป็นความจริง

18. วันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2551 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติว่านายไชยา สะสมทรัพย์ ได้พ้นสภาพจากรัฐมนตรีนับตั้งแต่ 30 วันที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะไม่แจ้งรายละเอียดการถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของภรรยาตามกฎหมาย

19. ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2551 หลังจากกลับมาจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศแคนาดา นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ประกาศลาออกโดยมีผลในวันที่ 14 กรกฎาคม อันเป็นผลจากการกดดันของกลุ่มพันธมิตรฯ สื่อมวลชน และภาคประชาชน ให้นายนพดล รับผิดชอบต่อกรณีการลงนามยินยอมให้ประเทศกัมพูชาจดทะเบียน “ปราสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว

“หมัก” เพี้ยนหนัก!


“หมัก” เพี้ยนหนัก! เย้ย ป.ป.ช.ชี้มูลหุ่นเชิดไม่ได้ อ้างไม่ผ่านถวายสัตย์ฯ

นายกฯ ลุกลี้ลุกลนกล่าวโทษสื่อ ขอใช้สิทธิไม่ไว้วางใจ ด่ากราด ส.ว.กระเหี้ยนกระหือรือเข้าชื่อยื่นถอดถอน จะเอากันให้เป็นให้ตาย เพี้ยนหนักชี้ ป.ป.ช.องค์กรไม่ชอบด้วย กม. เพราะไม่ผ่านถวายสัตย์ฯ จะมาชี้มูลรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งได้อย่างไร ปากกล้าไม่กลัวพันธมิตรฯ ตะแบงแก้ รธน.อวดบารมีเบียดบังเวลาสื่อรัฐกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง แก้ตัวทุกประเด็นร้อน



วันนี้ (13 ก.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครว่า ขณะนี้มีขบวนการจ้องโค่นล้มรัฐบาล เริ่มต้นจากสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ พาดหัวด่านายกรัฐมนตรีว่าไร้ยางอาย เปรียบเทียบนายสมัครเหมือนเป็นสัตว์นรก ทั้งที่รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง วันนี้ขอใช้สิทธิเสรีภาพไม่ไว้วางใจสื่อมวลชนบ้าง และจะขอใช้สื่อรัฐชี้แจงแต่ไม่ตอบโต้รายวัน ต่อมาสมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่ง กระเหี้ยนกระหือรือเข้ารายชื่อจะถอดถอน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยยื่นต่อ ป.ป.ช.ซึ่งถือเป็นองค์อิสระที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ผ่านถวายสัตย์ปฏิญญาณจะมาถอดถอนรัฐบาลที่ชอบธรรมได้อย่างไร



ป.ป.ช.ซึ่งถูกแต่งตั้งโดย คณะมนตรีความมั่นคงแห่ชาติ( คมช.) และหากลงมติชี้มูลว่ารัฐบาลกระทำผิด นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที อย่างนี้ยุติธรรมหรือไม่ และถือเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม โดยต้นตอปัญหาใหญ่เกิดจากรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ครอบครองจักรวาล เกิดจากความเกลียดชัง กรรมการบริหารพรรคกระทำผิดต้องถึงขั้นยุบพรรค นี่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากปล่อยไว้ อย่างนี้บ้านเมืองบรรลัยวายวอด ดังนั้น เปิดสภาสมัยสามัญนี้จะต้องบรรจุวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่สภาแน่นอน ไม่สนใจว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรฯออกมาคัดค้านหรือไม่

นายสมัคร ยังกล่าวถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะดำเนินการถอดถอนและดำเนินคดีอาญานายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ่วงนายสมัคร จะเอากันให้เป็นให้ตาย กรณียกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ทั้งที่ดำเนินไปตามคำตัดสินศาลโลก
ทั้งที่ดำเนินไปตามคำตัดสินศาลโลก ส่วนคนที่เกิดมาไม่ทันออกมาตีโพยตีพาย ปลุกระดมดึงมวลชนออกมาต่อต้านรัฐบาล โดยรับบริจาคข้าวของเพื่อชุมนุมต่อต้านรัฐบาล พร้อมโยนบาปกระทรวงการต่างประเทศ เจ้ากรมพลเรือนกิจการทหารและกองทัพเป็นผู้ดูรับผิดชอบ ก่อนลงนามแถลงการณ์จดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก นายสมัครยังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากจะให้สุขภาพจิตดีต้องเลิกอ่านหนังสือพิมพ์ และเลือกดูโทรทัศน์บางช่อง และขอไม่ไว้วางใจสื่อมวลชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัครมีท่าทีลุกลี้ลุกลน ชี้แจงออกรายการสนทนาประสาสมัครอย่างเห็นได้ชัด โดยกล่าวตอบโต้ประเด็นร้อน ที่ถือเป็นมรสุมรุมเร้ารัฐบาลในทุกเรื่อง และได้ใช้เวลาชี้แจงนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งที่ปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และยืนยันว่าจะกลับมาจัดรายการอีกในสัปดาห์หน้า


ช็อก!ช็อก!ช็อก!ช็อก!ช็อก!


ช็อก! อีก 2 สัปดาห์ไทยมีสิทธิ์ควักจ่าย ดีเซล 2 ลิตรร้อย

'พูนภิรมย์' ชง ครม.แผนแม่บทพลังงาน 8 ก.ค.นี้ เลิกหนุนไบโอดีเซล อ้างวัตถุดิบขาด หันอุ้มพลังงานแสงอาทิตย์แทน ผู้เชี่ยวชาญชี้อีก2อาทิตย์ดีเซลส่อ 2 ลิตร 100 บ.

ชงครม.8ก.ค.แผนพลังงาน

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พล.ท.(หญิง)พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง 'ทิศทางอุตสาหกรรมกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน' ว่า วันที่ 8 กรกฎาคม กระทรวงพลังงานจะเสนอมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 85 เป็นวาระแห่งชาติต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ ให้ยั่งยืนและเป็นรูปธรรม โดยต้องสร้างแรงจูงใจมากขึ้น เช่น ควรที่จะลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์และน้ำมัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำแบบบูรณาการ เพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว ส่วนไบโอดีเซล 5 จะลดการส่งเสริม เพราะวัตถุดิบไม่เพียงพอ ขณะที่ปริมาณการใช้เพิ่มจากวันละ 5 ล้านลิตร เป็น 8 ล้านลิตร เพราะราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซล นอกจากนี้กระทรวงพลังงานจำเป็นต้องส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมมากขึ้น โดยเฉพาะครัวเรือน โดยปรับขึ้นส่วนเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 8 บาทต่อหน่วย และลดการส่งเสริมพลังงานชีวมวล เช่น แกลบ เพราะวัตถุดิบขาดแคลน

ชี้อีก2อาทิตย์ดีเซลส่อ2ลิตร100บ.

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 1-2 บาทต่อลิตรในช่วงนี้ หลังน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เและมีโอกาสแตะระดับถึง 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลใน 1-2 สัปดาห์นี้ ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่อาจแตะถึง 48-50 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ขึ้นกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร ์หากปรับขึ้นอีกก็มีความเป็นไปได้สูง นอกจากนี้รัฐบาลควรลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล จากลิตรละ 90 สตางค์ เหลือ 30 สตางค์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับกองทุนน้ำมัน




'ทักษิณ'ถูกอายัดทรัพย์ยังรวยเพิ่ม100ล.$


'ฟอร์บส์'จัดอันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 40 อันดับ นายเฉลียว อยู่วิทยา ยังครองแชมป์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกมาอยู่ในอันดับ 16 แต่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100 ล้านดอลลาร์

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ฟอร์บส์ ระบุว่า บุคคลร่ำรวยที่สุด 40 อันดับของไทยในปีนี้ยังเป็นหน้าเดิม หรือเป็นเครือญาติกับผู้ที่ติดอันดับเมื่อปี 2549 และ 2550 อาจเป็นเพราะว่า ธุรกิจที่บุคคลเหล่านี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน มีความเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก และสมาชิกในครอบครัวยังบริหารกิจการของตระกูลตัวเองต่อไป

นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของผลิตภัณฑ์กระทิงแดง ยังรักษาอันดับ 1 ไว้ได้ ด้วยทรัพย์สิน 4,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 500 ล้านดอลลาร์ ผลพวงจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงทั่วโลก ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ บริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) มีทรัพย์สิน 3,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 600 ล้านดอลลาร์

ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้แห่งลีกอังกฤษ รวยเป็นอันดับที่ 16 ของประเทศ แม้ว่าจะถูกอายัดทรัพย์ และหมดยุคเรืองอำนาจ เพราะถูกกระทำรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่ตัวเลขทางการเงินของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อน

بسم الله الرحمن الرحيم


นักวิชาการชำแหละ 3 ปมไฟใต้โชน
ชี้การเมืองป่วนตัวเร่งสถานการณ์!

โดยชี้ว่า
ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง

มีเหตุปัจจัยอยู่ 3 ประการคือ

1.การบริหารจัดการของหน่วยกำลังในพื้นที่อยู่ในสภาวะชะงักงัน
ดร.ปณิธาน อธิบายว่า สืบเนื่องจากโครงสร้างใหม่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ยังไม่มีความชัดเจน เพราะเมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย. โครงสร้างใหม่ของ กอ.รมน.เพิ่งเริ่มนำมาใช้ หลังจากมีพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ออกมา แต่หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบแล้ว โครงสร้างกลับยังมีปัญหา เพราะยังมีการปรับเปลี่ยนน้อยมาก โดยเฉพาะในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งมีกำลังถึง 60,000 คน กำลังขนาดนี้ต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจน รัดกุม และมีเอกภาพมากกว่าที่มีอยู่ "เราทะยอยเอาคนลงไปในพื้นที่สามจังหวัดเป็นหมื่นๆ คน แต่กลับไม่มีกรอบงานที่ชัดเจน โครงสร้างที่มีอยู่ก็เป็นลักษณะทดลองใช้ ทะยอยเอาทหารหลายกองทัพภาคลงไปเพื่อให้ทดลองบริหารจัดการ เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง หากเห็นว่าโครงสร้างที่ใช้อยู่มีความจำเป็นขึ้นมา ก็จะต้องมีคำสั่งที่ชัดเจน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะปัญหาการเมืองในกรุงเทพฯ ทำให้ทุกอย่างอยู่ในภาวะชะงักงันไปหมด" "ปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทั้งผู้นำรัฐบาล และผู้นำกองทัพ ต้องแก้ปัญหาการเมืองอยู่ในกรุงเทพฯเยอะมาก กำลังพลที่ลงไปทำงานในพื้นที่ส่วนใหญ่จึงชะงักงัน ยกเว้นบางพื้นที่ที่สามารถบริหารจัดการเองได้ แต่ก็เป็นเพียงบางอำเภอ แต่ส่วนใหญ่ทำได้แค่ตรึงสถานการณ์ ส่วนพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนอยู่เพราะยังบริหารจัดการร่วมกับคนในพื้นที่ไม่ได้ ความไม่สงบก็จะไหลเข้าไป เพราะกลุ่มผู้ก่อการเห็นจุดอ่อน" "ฉะนั้นพื้นที่ไหนที่อยู่ในช่วงสถานปนาของหน่วยงานความมั่นคง เพิ่งจัดตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือ ผบ.ฉก. (ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจ) เพิ่งจะเข้าไปใหม่ ยังผนึกกำลังกับส่วนอื่นไม่ได้ พื้นที่พวกนี้ก็จะถูกโจมตี" ดร.ปณิธาน ระบุ

2.ช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ดร.ปณิธาน ชี้ว่า เหตุปัจจัยข้อนี้เป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่แล้ว คือเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ หรือเปลี่ยนหน่วยกำลังใหม่ จะยกระดับการก่อเหตุของตัวเองขึ้นมา ปฏิบัติการก่อความรุนแรงจะเข้มข้นขึ้น ยิ่งมีการปรับเปลี่ยนผู้นำเหล่าทัพหรือผู้บัญชาการกองกำลัง สถานการณ์ในภาคใต้ก็จะโหมแรง "ผมเชื่อว่าฝ่ายก่อความไม่สงบมีสันชาตญาณตรงนี้อยู่ เพราะรู้ว่าช่วงเปลี่ยนผ่านมีความละเอียดอ่อนมาก เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล กว่าจะตั้งแฟ้ม อ่านรายงาน กว่าจะสั่งการได้ มันใช้เวลานาน จึงเป็นรอยต่อที่จุดประกายความรุนแรง ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะช่วงที่คุณชวน หลีกภัย เข้ามา หรือคุณทักษิณ ชินวัตร เข้ามาก็เหมือนกันหมด"

3.กลุ่มก่อความไม่สงบบางส่วนมีความเข้มแข็งมากขึ้น
ดร.ปณิธาน บอกว่า วิเคราะห์ปัจจัยนี้จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระยะหลัง ทำให้เห็นว่าในแง่ขีดความสามารถ ประสบการณ์ ความชำนาญ เครื่องไม้เครื่องมือ หรือแม้แต่จำนวนวัตถุระเบิด คนที่ทำงานเป็นเซลล์ต่างๆ ของโครงสร้าง กลุ่มก่อความไม่สงบสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นกว่าเดิมจริงๆ
"แกนนำกลุ่มผู้ก่อการหลายคนที่ถูกจับกุมได้ สารภาพไว้ชัดเจนถึงการจัดเซลล์ต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร การจัดการในพื้นที่เป็นอย่างไร ฝึกฝนจากที่ไหน ส่งกำลังบำรุงกันอย่างไร แม้เราจะไม่ได้เชื่อทั้งหมด แต่ดูจากการโจมตีเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มกันครู หรือขบวนคุ้มกันอื่นๆ หลายกรณีสามารถปลดปืนไปได้หลายกระบอก หรือแม้แต่การหาข่าว และการโจมตีสาธารณูปโภคสำคัญๆ เห็นชัดว่าสงครามกองโจรของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเยอะ ทำงานเป็นระบบขึ้น มีเซลล์ที่เข้มแข็งขึ้น ระเบิดต่างๆ ก็ไหลเข้ามา เรายังควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเซลล์บางเซลล์ที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกเซลล์ที่ทำได้ สถานการณ์จึงยังทรงๆ อยู่"ดร.ปณิธาน สรุปว่า เหตุปัจจัยทั้ง 3 ประการนี้ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ปะทุขึ้นอีกครั้ง วิธีแก้ก็คงต้องไปแก้ตั้งแต่ปัญหาโครงสร้าง กอ.รมน. รวมทั้งนำนโยบายเชิงรุกทางการเมืองใหม่ๆ เข้าไปในพื้นที่ และหาทางกำจัดเซลล์ที่แข็งแกร่งต่างๆ
"ที่ผ่านมานโยบายเชิงรุกการเมืองทำไม่ค่อยได้ เพราะรัฐมนตรีไม่ค่อยได้ลงพื้นที่ และนายกรัฐมนตรีก็มอบหมายให้ทหารทำทั้งหมด ทหารเองก็เน้นเชิงปฏิบัติการ แต่ไม่มีนโยบายเชิงรุกทางการเมืองมากมายนัก สิ่งที่ทหารทำได้ดีคือสามารถคุมพื้นที่ได้หลายแห่ง และทำโครงการร่วมกับคนในพื้นที่ได้ดีขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอ" "ต้องยอมรับว่ากำลังส่วนใหญ่ยังมีปัญหา ปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นยาก เพราะเราใช้กองกำลังที่ถูกส่งลงไปจากหลายกองทัพภาค ก็จะมีปัญหาในตัวเองอยู่แล้ว การปรับให้ยืดหยุ่นขึ้นทำไม่ง่าย เมื่อกองกำลังไม่อ่อนตัว การแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ก็ทำได้ยาก สิ่งที่ทำได้ก็คือตรึงกำลังในจุดสำคัญๆ แต่ในระดับพื้นที่ยังมีช่องโหว่ ซึ่งทั้งทหารและตำรวจก็พยายามอุดช่องโหว่ตรงนี้ ด้วยการฝึกกองกำลังประจำถิ่นแล้วส่งเข้าไปทำงาน"
ดร.ปณิธาน กล่าวด้วยว่า เรื่องการจัดโครงสร้างถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกองทัพส่งกำลังลงไปมาก หากจัดไม่ดีจะกลายเป็นเป้านิ่ง แม้ที่ผ่านมาหลายหน่วยจะทำได้ดี เพราะใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมา แต่ในระยะยาวอาจชนเพดาน จึงต้องเร่งปรับโครงสร้างการจัดกำลังโดยด่วน


เป็นคำเตือนจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร

ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสมควรจักต้องเงี่ยหูฟัง!




ปกรณ์ พึ่งเนตร
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=3859&Itemid=86