พ้นจากเก้าอี้เหตุจากรายการชิมไปบ่นไป
ไล่ๆกันในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การหักดิบของพรรคร่วมรัฐ บาลและส.ส.พรรคพลังประชาชนบางส่วน
ที่แข็งข้อไม่ยอมสนับสนุนนายสมัคร กลับมา เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 กลายเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การต่อรองของขั้วอำนาจ ใหญ่เริ่มสั่นคลอน
เมื่อสัญญาณทางการเมืองเริ่มดีขึ้นจึงขึ้นอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมว่า จะใช้ช่องทางแห่งแสงสว่างนี้หรือไม่
สำคัญที่ว่านายกรัฐมนตรี คนต่อไปจะเป็นใคร ทุกฝ่ายยอมรับได้หรือเปล่า และจะสร้างความสมานฉันท์อย่างไร
ฝ่ายพันธมิตรเองก็ยื่นเงื่อนไขไม่เอาผู้นำจากพรรคพลังประชาชนซึ่งข้อ ต่อรองนี้จะทำให้หนทางประเทศตีบตันลงอีก แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกลุ่มพลังของ ประเทศด้วย
ถ้าต้องการความสงบกลับคืนมาเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปย่อมต้องแผ้วถางเส้นทางนี้ไว้ อย่าให้กลับมารกร้างเหมือนเดิม
เชื่อว่าหากฝ่ายการเมืองสรรหาคนมานั่งเก้าอี้ผู้นำที่มีความสามารถ มีคุณธรรมพอ ไม่มีภาพตัวแทนอำนาจของใคร สังคมคงยอมรับได้
แม้แต่ทางออกด้วยการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติก็ตามถึงจะมี ความขัดแย้งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย
ออกมาแถลงว่า รับไม่ ได้กับการฉวยโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์วันโหวตนายกฯ ครั้งแรกก็ตาม แต่ภารกิจ ชาติย่อมสมานแผลหรือความรู้สึกได้
แนวทางนี้ต้องประกาศเป็น"วาระแห่งชาติ" ว่าการร่วมกันเพื่อเป้า หมายอะไร แก้รัฐธรรมนูญประเด็นไหน เงื่อนเวลามากน้อยเพียงใด
จากนั้นก็ยุบ สภา เลือกตั้งกันใหม่ ล้างความขัดแย้งของคนในชาติออกให้หมด
ทั้งฝ่ายอำนาจเก่าก็เดินเกมการเมืองตามระบอบก็พอใจที่ตกลงร่วมกัน ใน "วาระแห่งชาติ"
กลุ่มนักเลือกตั้งทั้งหลายก็เดินหน้าหาเสียงตามกรอบตาม ระบอบประชาธิปไตย โดยไม่มีเงื่อนไขเมื่อกลับเข้าสภา
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรเองก็ไม่มีเงื่อนไขที่จะออกมาเรียกร้องอะไร อีก หากทุกอย่างกลับเข้าสู่กลิ่นอายของประชาธิปไตย เงื่อนไขย่อมลดลง
การนำ คนออกมาเรียกร้องสิ่งใดก็ตามต้องถูกจับตาจากสังคมอีกระดับ ถึงตอนนั้นหาก เหตุผลไม่เพียงพอ
คงไม่ต้องบอกว่า ใครเสียหาย ใครเป็นพระเอก ใครเป็นโจร
แต่หนทางทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผลโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพุธที่ 17 กันยายน ว่านักการเมืองทั้งหมดยินดีจะร่วมกันผ่าทางตันหรือไม่
ถ้าทั้งหมดปฏิเสธวาระต่อไปคงไม่พ้นเลือดนองแผ่นดิน!!
นางสาวสกียะห์ หะรงค์
5131202082
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น